"เสียงข้างในจิตใจ" บทเพลงเก่าของ POP เพลงหนึ่งได้แว่วเข้ามาในหูของผมในช่วงบ่ายแก่ๆของวันนี้ ทำให้ผมหวนคิดไปถึงหลายๆสิ่งที่กำลังปรากฏ และดำเนินอยู่ต่อหน้า อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ใครเป็นผู้ที่ำกำลังกำหนดการเดินทางของชีวิตและโชคชะตาของเราอยู่กันแน่ เรากำลังเดินตามหาสิ่งที่ต้องการอยู่หรือไม่ หรือเรากำลังเดินไปตามเสียงของคนนู้นคนนี้ที่บอกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ถูกต้อง หรือดีที่สุดแล้ว
การดำเนินชีวิตของเราอาจจะยากที่จะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง อันเกิดขึ้นจากความไม่รู้ ความกลัว หรือการที่ไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ถ้าจะลองแบ่งชีวิตเราออกเป็นช่วงเวลาของอดีต ปัจจุบัน และอนาคต คนโดยส่วนใหญ่มักจะทุกข์กับ"อดีต" อาจจะเนื่องด้วยมันคือการกระทำของเราที่ผ่านไปแล้ว จะดีจะร้ายอย่างไรมันคือสิ่งที่เราไม่สามารถไปแก้ไขมันได้ในเมื่อตอนนี้เราอยู่กับเวลา"ปัจจุบัน" ปัจจุบันขณะคือสิ่งที่เรากำลังพบเจอ และทุกๆปัจจุบันมันก็จะแปรเปลี่ยนเป็นอดีตทุกๆวินาที หรืออาจจะเล็กลงในเศษเสี้ยวของวินาที แล้วอนาคตละ อนาคตคือสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันคืออะไร หลายๆคนคงเกิดข้อสงสัย ในเมื่ออนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอน เราควรที่จะมีความสุขอยู่กับแค่ปัจจุบันก็เพียงพอแล้ว และเป็นเหตุผลที่หลายๆคนปล่อยให้ปัจจุบันที่มีคุณค่าผ่านไปแต่ละวินาทีโดยไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับปัจจุบันที่เรากำลังดำเนินชีวิตไป แต่ผมเชื่อว่าตัวแปรที่สำคัญที่สุดที่จะสามารถควบคุมความเป็นไปของอนาคตก็คือปัจจุบัน บางคนต้องการชีวิตที่มีความสุขในปั้นปลาย หรือบางคนต้องการชีวิตที่มีความสุขในทุกๆวินาที สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตัวเราเลือกและกำหนดเองได้ ถ้าหากคุณสามารถเข้าใจว่าปัจจุบันก็คือเหตุ อนาคตคือผลลัพธ์ ณ ที่นี้ผมไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าความสุขของหลายๆคนจะสามารถเกิดขึ้นโดยแนวทางปฏิบัติแบบใด เพราะสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่มันไม่เหมือนกัน อีกทั้งเป้าหมายและขนาดของความสุขของแต่ละคนมันมีขนาดที่แตกต่างกันด้วย ในแต่ละวันเราอาจจะต้องมีการตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่อยู่บนพื้นฐานของความคิด และความคิดคือหนึ่งในตัวแปรหรือแรงผลักดันที่ทำให้เกิดกระบวนการตัดสินใจของการกระทำในปัจจุบันซึ่งจะส่งผลต่ออนาคต หลายๆคนใช้ชีวิตโดยการรับข่าวสารจากความคิดของผู้อื่น ตัดสินใจทำบางเรื่องที่ขัดกับความรู้สึกตัวเอง เพราะเชื่อว่าความคิดของคนที่เราได้รับฟังมาเป้นสิ่งที่ถูกต้องและดีที่สุด แม้ว่าบางครั้งบางจุดอาจจะขัดกับความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งสุดท้ายสิ่งเหล่านี้มันจะเป็นเหมือนกระจกสะท้อนความขุ่นมัวในตัวเราเองขึ้นมา
อย่างไรก็ตามทุกคนอาศัยอยู่ในสังคมที่มีความหลากหลายความคิดอยู่มาก ถ้าหากความคิดเหล่าไม่สามารถออกเสียงมาเป็นคำพูดที่เข้าหูเราอยู่ทุกๆนาที การตัดสินใจในการกำหนดปัจจุบันของตัวเราเองคงจะเรียบง่ายกว่านี้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เมื่อมนุษย์ใช้การสื่อสารความคิดด้วยการสนทนา หรือคำพูดที่ออกมาจากความคิดนี้เอง จึงทำให้บางครั้งเราอาจจะได้รับความคิดของคนอื่นๆมามากเกินไป เกินกว่าที่เราจะได้ใช้ความคิดของเราประกอบการพิจารณาตัดสินใจในเหตุการณ์นั้น หากเราสามารถที่จะลองย้อนกลับเข้าไปหาสิ่งธรรมดาสามัญที่สุด ลองหยุดค้นหาและทำความรู้สึกกับสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับตัวเราอยู่เสมอๆ และไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเรา ผมขอเรียกมันว่า "เสียงข้างในจิตใจ"
สุดท้ายนี้ ผมอยากให้คนที่ได้อ่านบทความนี้ รู้สึกและทำตามเสียงข้างในจิตใจของตัวเองให้มากๆ เหมือนที่ผมเกิดแรงบันดาลใจให้เขียนบทความนี้เมื่อได้ฟังบทเพลงนี้ ขอบคุณ POP กับบทเพลงเสียงข้างในจิตใจครับ
Credit by : เสียงข้างในจิตใจ (Belief) - P.O.P
การดำเนินชีวิตของเราอาจจะยากที่จะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง อันเกิดขึ้นจากความไม่รู้ ความกลัว หรือการที่ไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ถ้าจะลองแบ่งชีวิตเราออกเป็นช่วงเวลาของอดีต ปัจจุบัน และอนาคต คนโดยส่วนใหญ่มักจะทุกข์กับ"อดีต" อาจจะเนื่องด้วยมันคือการกระทำของเราที่ผ่านไปแล้ว จะดีจะร้ายอย่างไรมันคือสิ่งที่เราไม่สามารถไปแก้ไขมันได้ในเมื่อตอนนี้เราอยู่กับเวลา"ปัจจุบัน" ปัจจุบันขณะคือสิ่งที่เรากำลังพบเจอ และทุกๆปัจจุบันมันก็จะแปรเปลี่ยนเป็นอดีตทุกๆวินาที หรืออาจจะเล็กลงในเศษเสี้ยวของวินาที แล้วอนาคตละ อนาคตคือสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันคืออะไร หลายๆคนคงเกิดข้อสงสัย ในเมื่ออนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอน เราควรที่จะมีความสุขอยู่กับแค่ปัจจุบันก็เพียงพอแล้ว และเป็นเหตุผลที่หลายๆคนปล่อยให้ปัจจุบันที่มีคุณค่าผ่านไปแต่ละวินาทีโดยไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับปัจจุบันที่เรากำลังดำเนินชีวิตไป แต่ผมเชื่อว่าตัวแปรที่สำคัญที่สุดที่จะสามารถควบคุมความเป็นไปของอนาคตก็คือปัจจุบัน บางคนต้องการชีวิตที่มีความสุขในปั้นปลาย หรือบางคนต้องการชีวิตที่มีความสุขในทุกๆวินาที สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตัวเราเลือกและกำหนดเองได้ ถ้าหากคุณสามารถเข้าใจว่าปัจจุบันก็คือเหตุ อนาคตคือผลลัพธ์ ณ ที่นี้ผมไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าความสุขของหลายๆคนจะสามารถเกิดขึ้นโดยแนวทางปฏิบัติแบบใด เพราะสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่มันไม่เหมือนกัน อีกทั้งเป้าหมายและขนาดของความสุขของแต่ละคนมันมีขนาดที่แตกต่างกันด้วย ในแต่ละวันเราอาจจะต้องมีการตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่อยู่บนพื้นฐานของความคิด และความคิดคือหนึ่งในตัวแปรหรือแรงผลักดันที่ทำให้เกิดกระบวนการตัดสินใจของการกระทำในปัจจุบันซึ่งจะส่งผลต่ออนาคต หลายๆคนใช้ชีวิตโดยการรับข่าวสารจากความคิดของผู้อื่น ตัดสินใจทำบางเรื่องที่ขัดกับความรู้สึกตัวเอง เพราะเชื่อว่าความคิดของคนที่เราได้รับฟังมาเป้นสิ่งที่ถูกต้องและดีที่สุด แม้ว่าบางครั้งบางจุดอาจจะขัดกับความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งสุดท้ายสิ่งเหล่านี้มันจะเป็นเหมือนกระจกสะท้อนความขุ่นมัวในตัวเราเองขึ้นมา
อย่างไรก็ตามทุกคนอาศัยอยู่ในสังคมที่มีความหลากหลายความคิดอยู่มาก ถ้าหากความคิดเหล่าไม่สามารถออกเสียงมาเป็นคำพูดที่เข้าหูเราอยู่ทุกๆนาที การตัดสินใจในการกำหนดปัจจุบันของตัวเราเองคงจะเรียบง่ายกว่านี้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เมื่อมนุษย์ใช้การสื่อสารความคิดด้วยการสนทนา หรือคำพูดที่ออกมาจากความคิดนี้เอง จึงทำให้บางครั้งเราอาจจะได้รับความคิดของคนอื่นๆมามากเกินไป เกินกว่าที่เราจะได้ใช้ความคิดของเราประกอบการพิจารณาตัดสินใจในเหตุการณ์นั้น หากเราสามารถที่จะลองย้อนกลับเข้าไปหาสิ่งธรรมดาสามัญที่สุด ลองหยุดค้นหาและทำความรู้สึกกับสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับตัวเราอยู่เสมอๆ และไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเรา ผมขอเรียกมันว่า "เสียงข้างในจิตใจ"
สุดท้ายนี้ ผมอยากให้คนที่ได้อ่านบทความนี้ รู้สึกและทำตามเสียงข้างในจิตใจของตัวเองให้มากๆ เหมือนที่ผมเกิดแรงบันดาลใจให้เขียนบทความนี้เมื่อได้ฟังบทเพลงนี้ ขอบคุณ POP กับบทเพลงเสียงข้างในจิตใจครับ
Credit by : เสียงข้างในจิตใจ (Belief) - P.O.P
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น