Beyond Creative, We do

FB:Theexplorerphotographer

test

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บันทึกนักเดินทาง ตอน ก่อนมหาอุทกภัยเข้ากรุง

วันนี้เป็นวันก่อนวันที่รัฐบาลประกาศวันหยุดยาว เนื่องมาจากวันที่ 27-31 ตค นี้จะเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลจะหนุนสูงที่สุดในรอบเดือน ประกอบกับน้ำหลากที่กำลังจะเคลื่อนตัวจากทั้งอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรีเข้ามาประชิดกรุงเทพแล้วในขณะนี้ พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับคนกรุงเทพบ้างในขณะที่หลายๆคนยังคงต้องเดินทางเข้าไปทำงานในกรุงเทพชั้นใน ที่วันนี้ทุกคนยังยินดีที่น้ำบนพื้นถนนยังคงแห้งสนิทอยู่ ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ขานรับวันหยุดที่ประกาศโดยรัฐบาล ราวกับว่าพรุ่งนี้เหล่าลูกจ้างเอกชนทั้งหลายจงทำใจพบกับหายนะที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างที่พวกคุณอาจจะกำลังทำงานอยู่โดยไม่รู้ตัว ภาคเอกชนยังคงอยากให้เศรษฐกิจเดินต่อไป เพราะการหยุดยาวแบบนี้อาจจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติก็เป็นได้ โดยถ้าสิ่งที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า หรือที่เราเรียกว่า มหันตภัยโจมตีกรุงเทพ มันไม่เกิดขึ้นจริงๆก็คงจะดี

วันนี้ผมเดินทางกลับบ้านตามปกติ ตลอดทางกลับบ้านวันนี้ผมเห็นหลายๆสิ่งมากมายที่คนกรุงเทพกำลังหาทางป้องกันทรัพย์สินของตนเองอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการก่อกำแพงล้อมรอบบ้านตัวเองประมาณ 0.6-1 เมตร บางร้านก็นำกระสอบทรายอย่างดีคลุมด้วยผ้าพลาสติกอย่างหนา จนไม่สามารถสังเกตเห็นได้ว่าทางเข้าออกร้านอยู่ตรงบริเวณไหน ถัดมาจะเห็นรถยนต์จำนวนมากจอดชิดขอบถนนบนสะพานต่างๆ ถูกจอดไว้แบบไม่กลัวจะถูกใครมาขโมยเลย เพราะลองมองดูรอบๆแล้วสองข้างทางไม่มีแม้แต่คนเฝ้า พวกเขากล้าจอดหนีน้ำกันแบบนี้เชียวเหรอ แถมยังก่อให้เกิดปัญหาจราจรอีก เพราะรถทั้งหมดจอดกินไปหนึ่งเลนทันที ซักพักผมก็เห็นแนวรถไฟฟ้าใต้ดินที่ทาง กทม ได้จัดสรรปันส่วนพื้นที่อันน้อยนิดเอารถขุดมาจอด ลอกต้นไม้ออกไปเพื่อที่จะวางท่อระบายน้ำใหม่ และเตรียมพร้อมสำหรับแผ่นเหล็กจำนวนมากที่จะสานต่อประกอบเป็นสถานีรถไฟฟ้า เครื่องจักรยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้แยแสต่อสิ่งที่หลายๆคนคาดการณ์ว่ามหันตภัยครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างครั้งนี้เพียงใด


สิ่งต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้มันกำลังสะท้อนถึงอดีตว่ามนุษย์ทำอะไรไว้กับโลกบนนี้บ้าง สิ่งแวดล้อมของเราถูกมนุษย์นำมาเปลี่ยนแปลงเป็นการเติบโตของเศรษฐกิจ สนองออกมาเป็นการเติบโตของ GDP สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะปลกคุมมาตรการการจัดการสิ่งแวดล้อมให้หายไป ป่าไม้ที่เคยดูดซึมแร่ธาตุ หรือการกักเก็บรองรับน้ำได้ดี ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นหมู่บ้านจัดสรร ที่มีผู้บริหารโครงการฟันกำไรจากการลงทุนไปไม่น้อย  รวมทั้งสิ่งที่มนุษย์ประดิษย์ขึ้นจากคอนกรีต เช่น เขื่อน และคิดว่ามันจะสามารถทดแทนป่าไม้ในการกักเก็บน้ำ แต่ตอนนี้สถานการณ์ตอนนี้มันคงไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว ก็เมื่อในพื้นที่ต่างๆบนพื้นผิวโลกถูกเปลี่ยนเป็นพื่นที่ที่สามารถแปรสภาพเป็น GDP ของประเทศได้  ผลพลอยได้จากการเติบโตครั้งนี้คงหนีไม่พ้น ควันพิษ ไอเสีย น้ำเสีย สารเคมีตกค้างตามแม่น้ำ การถลุงเอาแร่ที่คอยสมานรอยต่อของผิวโลกมาใช้ การเผาผลาญน้ำมันอย่างมหาศาล ทั้งๆที่เราทุกคนก็รู้อยู่ว่าทรัพยากรบนโลกนี้มีอยู่อย่างจำกัด การเร่งการบริโภคทรัพยากรโดยมิได้คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา สุดท้ายแล้วผลร้ายจะย้อนกลับไปสู่ยุคของลูกหลานเราเอง   อย่างไรก็ตามถ้าครั้งนี้คนไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี สิ่งที่เราทุกคนควรจะคำนึงมากที่สุด คือ ความเสื่อมโทรมของธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่นับวันๆ มันยิ่งมากขึ้นและสวนทางกลับความมั่งคั่งของมนุษย์ ถ้าวิเคราะห์กันจริงๆอุทกภัยครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติโดยตรง  แต่เกิดจากมนุษย์เป็นผู้ที่ไปเปลี่ยนแปลงธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป การเดินทางของน้ำยังคงต้องเดินทางจากที่สูงลงที่ต่ำเป็นไปตามกฎของธรรมชาติไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการกั้น การขัดขวาง มันเป็นการป้องกันเพียงชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น การแก้ไขที่หยั่งยืนจึงควรเป็นการปลุกจิตสำนึกให้คนเรารู้รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม กันมากขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

ล้านนาแค่ขยิบตา

ล้านนาแค่ขยิบตา
บันทึกการเดินทางจำนวนสิบสี่ตอนที่จะเปลี่ยนมุมมองทุกการเดินทางให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Ads

Most Popular