Beyond Creative, We do

FB:Theexplorerphotographer

test

วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

นักสู้ (ผู้พ่ายแพ้)

ความพ่ายแพ้ อาจจะเป็นสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับผู้คนที่กำลังค้นหาความสำเร็จที่สุดในชีวิต เพราะมันอาจหมายถึงการปั่นทอนความรู้สึกทะเยอทะยานที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของนักสู้ทุกคนที่ต้องการจะไขว่คว้าดาวแห่งความสำเร็จเอามาแนบกาย ถ้าทว่าชีวิตของเราในบางครั้งบางเวลามันไม่ได้ดำเนินตามหลักการของเหตุและผล หรือกฎเกณฑ์ของความเข้าใจอันสลับซับซ้อนได้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องรับรู้และยอมรับว่าบางครั้งเรามิอาจเป็นผู้ชนะในทุกๆเกมส์เสมอไป แต่เรามีสิทธิ์ที่จะมองเห็นความพ่ายแพ้ที่เจ็บปวดที่สุดในห้วงเวลานั้นแปรเปลี่ยนเป็นบทเรียนที่แสนจะยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนกับครูมวยชั้นหนึ่งที่กำลังจะสอนถึงวิธีการเอาชนะคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุดในจิตใจเราด้วยการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เขาเคยแพ้ต่อคู่ต่อสู้มานับไม่ถ้วน และเป็นบทเรียนให้เราละอัตตาการยึดมั่นถือมั่นในตัวตน เพื่อที่จะเรียนรู้และสามารถก้าวข้ามไปสู่ความสำเร็จที่มั่นคงตลอดไป


ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ทุกคนย่อมผ่านเรื่องราวทั้งดีและร้ายปะปนกันมาเสมอๆ คงจะดีถ้าชีวิตเราเป็นเหมือนดั่งการ์ตูนอะลาดิน ที่มียักษ์จินนี่คอยดลบรรดาลพร  ให้เราได้รับพรกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆในสิ่งที่ผิดให้กับเป็นถูกต้องอยู่เสมอ และถ้าสามารถแก้ไขทุกเรื่องให้หมดจดจริงๆ การดำเนินชีวิต ณ ปัจจุบันคงจะง่ายดายเอามากๆ นั่นหมายความว่าเราอาจจะไม่ต้องเผชิญกับผลของความผิดพลาดใดๆในอดีตเลย  แต่ในเมื่อชีวิตจริงเราไม่สามารถมีตะเกียงวิเศษซักอัน เพื่อเรียกยักษ์ออกมาคอยช่วยเหลือเราได้แม้แต่ซักเหตุการณ์เดียว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตมันจึงกำลังส่งผลกับตัวเราในปัจจุบันอย่างสม่ำเสมอ

อดีตส่งผลถึงปัจจุบัน ปัจจุบันส่งผลถึงอนาคต  อาจจะเปรียบได้ตามกฏของนิวตัน Action = Reaction ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นไปแล้วจะสะท้อนกลับมาเป็นผลลัพธ์ที่ปรากฏต่อหน้าเราเสมอๆ แต่อย่างไรกฏนี้จะเป็นผลก็ต่อเมื่อวัตถุทั้งสองจะต้องอยู่ภายใต้กรอบอ้างอิงเฉื่อย กล่าวคือเมื่ออดีตส่งผลถึงปัจจุบัน ปัจจุบันส่งผลถึงอนาคตจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเราไม่ได้อาศัยอยู่ในสังคม หรือมีสิ่งแวดล้อมเข้ามายุ่งเกี่ยว  ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่วันๆหนึ่งคุณจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใคร แม้แต่การพูดคุย ฉะนั้นการที่คุณพยายามฝึกซ้อมมามากเท่าไหร่เพื่อที่จะลงแข่งในสนามประลองใดๆ โอกาสที่คุณจะแพ้ หรือชนะ คือ 50 : 50  50 แรกคือสิ่งที่คุณได้ฝึกซ้อมและใช้เวลาทุ่มเทกับมัน ส่วนอีก 50 หลังเป็นผลกระทบของสิ่งแวดล้อมที่กำลังกระทำกับตัวคุณ  ลองนึกถึงเวลาดูฟุตบอลซีเกมส์ประเทศไทยแข่งกับประเทศเพื่อนบ้านคุณเคยจะตั้งความหวังไว้ว่านักเตะเราที่มีคุณภาพเหนือกว่าคู่แข่งมาก แต่ทำไมลงแข่งจริงนักเตะเราจึงมีแพ้บ้าง ชนะบ้างปะปนกันไป ก็เพราะเรามองแค่ในกรอบอ้างอิงเฉื่อยที่มีแค่นักฟุตบอลไทย กับนักฟุตบอลเพื่อนบ้าน ทั้งที่จริงๆแล้วการแพ้ชนะยังขึ้นอยู่กับปัจจัย เช่น ผู้ชมในสนาม กรรมการในการตัดสิน เวลาในการแข่งขัน ภูมิอากาศ ตลอดจนความสูงของสนามหญ้าที่ลงแข่ง  ฉะนั้นทุกๆแมตซ์การแข่งขันสิ่งที่คุณควรคำนึงถึงมากที่สุด คือ คุณได้ลงเล่นด้วยฝีมือที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง คุณกำลังลงเล่นแมตซ์นี้ด้วยความตั้งใจเต็มที่หรือยัง เหนือสิ่งอื่นใดในการลงแข่งคุณทุกครั้ง คุณกำลังมีความสุขและรักในสิ่งที่ทำอยู่มากเท่าใด


เมื่อเรารู้ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆด้วยกิจกรรมหลายๆกิจกรรม เชื่อว่าหลายๆครั้ง การตัดสินใจกระทำบางอย่างลงไป อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องหรือดีที่สุดขณะนั้น แม้กระทั่งคำพูดบางคำพูดที่บอกเปล่งออกมาในผู้อื่นได้รับฟัง บางครั้งมันอาจจะเปลี่ยนวิถีความคิดของทั้งผู้พูด และผู้ฟังได้เลย ในเมื่อมนุษย์ธรรมดาอย่างคนเราไม่สามารถนั่งไทม์แมชชีนกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ที่ผ่านได้ เราควรที่จะเรียนรู้กับความผิดพลาด หรือความพ่ายแพ้บ้างในบางครั้งบางคราว เพื่อที่จะได้นำสิ่งเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขให้การดำเนินชีวิตของเราให้ราบเรียบมากขึ้น กล่าวคือเมื่อเราสามารถยอมรับและมองเห็นจุดบกพร่องของตัวเองได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นคุณจะมองเห็นว่าสังคมย่อมให้โอกาสคุณมากขึ้นเช่นกัน ในเมื่อมนุษย์ทุกคนมีโอกาสที่จะก้าวผิดพลาดด้วยความไม่รู้ได้เสมอ  นั่นก็หมายความว่าสังคมย่อมมีโอกาสให้คุณได้เรียนรู้และแก้ไขมันให้ถูกต้องเสมอๆ   ไม่มีนักมวยคนไหนที่จะชนะได้ทุกครั้งที่ขึ้นชก และคงไม่มีืทีมฟุตบอลทีมใดจะเป็นทีมที่ชนะได้ทุกการแข่งขัน ถ้าพวกเขาไม่ฝึกซ้อม และเรียนรู้กับความพ่ายแพ้ในแต่ละแมตช์ของการแข่งขัน  คนที่เป็นที่หนึ่งหลายๆคนในอดีตก็เคยล้มเช่นเดียวเหมือนมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แต่ที่เขาสามารถสำเร็จได้ในปัจจุบัน เพราะเขาไม่มัวแต่มองบาดแผลที่หกล้มไปวันๆ ยิ่งล้มมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องซ้อมในหนักขึ้นเท่านั้น ไม่ต่างอะไรกับการดำเนินชีวิตของคนอีกหลายๆคน หากวันนี้เรายังแพ้ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการพ่ายแพ้คือการเราสามารถมองเห็นจุดบกพร่องของตัวเองได้มากขึ้น ลดอัตตาการถือตนเป็นที่ตั้ง เมื่อเรามองเห็นจุดที่ผู้ชนะมองไม่เห็น ในแมตช์ต่อไปเราย่อมรู้วิธีการบุก และตั้งรับที่ดีขึ้น ฉะนั้นการที่เราจะสามารถชนะได้อย่างยั่งยืนนั้นจะต้องเกิดจาการเรียนรู้จากที่ล้ำค่ามากที่สุดจาก "ความพ่ายแพ้" เช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

ล้านนาแค่ขยิบตา

ล้านนาแค่ขยิบตา
บันทึกการเดินทางจำนวนสิบสี่ตอนที่จะเปลี่ยนมุมมองทุกการเดินทางให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Ads

Most Popular