Beyond Creative, We do

FB:Theexplorerphotographer

test

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

พระจันทร์ยิ้ม



วันนี้เหมือนฉากประกอบละครชีวิตของผมจะถูกเปลี่ยนจากกลางวันให้กลายเป็นกลางคืนค่อนข้างเร็วขึ้น ถ้าจะอ้างอิงแบบมีหลักการหน่อย ช่วงเวลานี้คงจะเข้าใกล้การเปลี่ยนแปลงจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้ช่วงเวลากลางคืนทิ้งตัวยาวนานกว่าช่วงเวลากลางวัน

หลังจากเดินออกมาจากออฟฟิศไม่กี่ช่วงตึก แสงอาทิตย์สีส้มอ่อนรำไรๆก็ถูกเมฆสีเทาดำปกคลุมจนหมดจด ท่ามกลางความมืดมิดกลับปรากฏรอยยิ้มประหลาดโผล่ขึ้นกลางท้องฟ้า

รอยยิ้มนี้ถูกส่งมอบให้กับพวกเราทุกวัน แม้บางวันตึกสูงทั้งหลายจะบดบังรอยยิ้มพิมพ์ใจดวงนี้ให้หายไป หรือจะเนื่องด้วยจากความเหนื่อยล้า หรือจากความเร่งรีบก็ตาม แต่รอยยิ้มที่จริงใจนี้ไม่เคยหยุดทำงาน

ผมกำลังพูดถึง "รอยยิ้มจากพระจันทร์" ครับ



ต่างกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีก่อนก่อนที่ผู้คนต่างพากันเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "พระจันทร์ยิ้ม" ผู้คนทุกสถานที่ต่างพากรูกันมองขึ้นไปบนฟ้า แม้ว่าวันนั้นจะเป็นวันที่ตัวเองยุ่งที่สุด เหนื่อยที่สุด และทุกข์ที่สุด เพียงแค่เห็นรอยยิ้มกับดวงตาคู่นั้นไม่กี่ชั่วโมงก็พลันเรียกพลังใจกลับมาได้อย่างเต็มอิ่มแล้ว

แปลกที่คืนนี้หลงเหลือเพียงแค่รอยยิ้ม หากมองไม่ชัดอาจจะเป็นแค่รอยตีนกาอันเหี่ยวย่นของท้องฟ้า ดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้นในคืนนี้หายไป อยากจะไถ่ถามว่าเมื่อไหร่ดวงตาคู่นั้นจะกลับมาอีกครั้ง และยังคงจะต้องรอคอยอีกยาวนานแค่ไหน

ไม่นานนักเสียงเพลงของเฉลียงก็ดังออกมาจากหูฟังข้างหนึ่งของผม

" ...ดาวนับล้านที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า"
  ...จะมีไหมหนาที่ลอยอยู่เองเฉยๆ
  ...ไม่ยอมโคจรหมุนไปไหนเลย
  ...ไม่เคยไม่เห็นเลยสักดวง"

ราวกับว่าพี่เจี๊ยบ วัชระ ปานเอี่ยม กำลังเดินเข้ามากระซิบข้างหูของผม และกำลังบอกผมเป็นนัยๆเกี่ยวกับคำตอบของคำถามข้างต้น

ดวงดาวที่เรามองเห็นกันอยู่ทุกค่ำคืนอาศัยอยู่ร่วมกันภายใต้ระยะห่างเกือบปีแสง ระยะห่างอาจเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้ดวงดาวทุกดวงจะต้องเคลื่อนตัว หมุนรอบตัวเองบ้าง หมุนรอบดาวดวงอื่นบ้าง เพื่อรักษาแรงดึงดูดให้สมดุลขึ้นในระบบสุริยะจักรวาล

ลองอ้างถึงหลักการทางฟิสิกส์เรื่องกฎของแรงดึงดูดในหนังสือวิทยาศาสตร์ ม.5 หากดาวดวงไหนหยุดหมุน หรือแรงดึงดูดถูกทำให้อ่อนลง ดาวดวงนั้นอาจจะตกลงสู่อวกาศเบื้องล่างก็เป็นได้ ดาวทุกดาวจึงต้องมีหน้าที่ของตัวเองที่แตกต่างกันไป บางดวงมีวงแหวน บางดวงมีดวงจันทร์เป็นบริวารมากมาย บางดวงยอมเป็นดวงดาวที่ไม่เปล่งแสง หรือเรียกกันว่า ดาวเคราะห์

หากสังคมจะเปรียบได้กับระบบสุริยะ มนุษย์ทุกคนอาจจะเป็นดวงดาวที่ได้รับหน้าที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะเกิดมาในตระกูลที่มีเหลือกินเหลือใช้ไม่ต้องทำงานตรากตรำมากนัก บางคนอาจจะเกิดมาเพื่อต่อสู้กับปัญหาสู้กับชีวิต บางคนอาจจะเกิดมาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์อย่างไม่หยุดหย่อน หรือ บางคนอาจจะเกิดมาเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

มนุษย์แตกต่างจากดวงดาวตรงที่เมื่อเราหยุด เราสามารถพักให้หายเหนื่อยก่อนการออกเดินทางครั้งต่อไปได้เสมอ

การโคจรรอบตัวเองหนึ่งรอบอาจจะเทียบเท่ากับอายุของคนแต่ละคน การโคจรรอบหนึ่งอาจจะมีทั้งสิ่งที่ไม่ดี ดีมาก ดีบ้าง ดีเล็กน้อย ก็เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ฤดูฝนอาจจะทำให้เปียกปอน  ฤดูร้อนก็ทำให้ฉ่ำใจ ฤดูหนาวอาจทำให้ปวดใจ ฤดูกาลต่อไปจะเป็นอย่างไรสำคัญกับใจที่คงทน

ก่อนที่จะออกทะเลกันไปไกล เสียงดนตรีใสๆเคล้าคลอเสียงกระซิบของพี่เจี๊ยบ วัชระ ปานเอี่ยม ก็ดังขึ้นมาในหูฟังอีกข้างหนึ่งของผม

"เมื่อดาวโคจรมาเจอะกัน
ฤดูก็เปลี่ยนผัน การหมุนก็ผันแปร
เมื่อเธอกับฉันมาเจอะกัน ชีวิตก็เปลี่ยนผัน
เปลี่ยนไปจากเดิม เปลี่ยนจังหวะหมุนของหัวใจ ให้ใกล้กัน"

ไม่รู้ว่าผมจะต้องรอคอยให้ดาวทั้งสองดวงนั้นโคจรมาเจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่ ผมรู้แค่ว่าเมื่อวันนั้นมาถึงผมจะตั้งตารอคอยดวงตาคู่นั้นที่กำลังเปล่งประกายพร้อมกับรอยยิ้มที่งดงาม คืนนั้นคงเป็นคืนที่สวยงามและน่าจดจำไปอีกนานเท่านาน

"เธอดึงดูดฉัน ฉันดึงดูดเธอ
และสองดาวยังเปล่งแสงอันงดงามไปทั่วฟ้า"




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

ล้านนาแค่ขยิบตา

ล้านนาแค่ขยิบตา
บันทึกการเดินทางจำนวนสิบสี่ตอนที่จะเปลี่ยนมุมมองทุกการเดินทางให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Ads

Most Popular