ล้านนาแค่ขยิบตา #
(ขยิบตาครั้งที่สอง)
ณ จุดพักสายตา
12 ชั่วโมง !!!
ผมเริ่มชักคันๆที่หางตาเบาๆ เมื่อรับรู้ว่าเราจะต้องใช้เวลาเกือบ 12 ชั่วโมงบนรถตู้ติดแอร์เย็นฉ่ำ การนอนหลับพักผ่อนคงไม่สบายเหมือนการนอนบนเตียงนุ่มๆเป็นแน่ หากท้องไส้ที่เคยทำงานปกติกลับเปลี่ยนไปอยู่เหนืออำนาจการควบคุมขึ้นมา จะยังมีปั๊มไหนเปิดไฟรับพวกเราเข้าไปปลดอาวุธทิ้งระเบิดกันได้อยู่หรือไม่
เวลาที่ยาวนานไม่ได้บอกว่าการเดินทางในครั้งหนึ่งจะยาวไกลสักแค่ไหน บางทีเวลาก็เป็นเหมือนกระดาษหน้าหนึ่งที่รอให้เราลงมือจดบันทึกลงไป
ตอนนี้ผมกำลังใช้เวลา+ปากกาในมือขีดเขียนความรู้สึกลงไปบนหน้ากระดาษนั้น พร้อมกับนั่งร่างเรื่องราวดีๆอีกมากมาย
ไฟสลัวๆจากข้างทาง บรรยากาศที่เงียบสงัด ชวนให้ผมเริ่มนึกถึงเรื่องราวจากหน้ากระดาษในครั้งก่อน ใครจะรู้บ้างว่าการเดินทางในครั้งนี้ผมแบกบางสิ่งที่หนักมากไปกว่าสัมภาระหรือกระเป๋าเดินทาง บางทีความหนักนั้นอาจจะถูกบรรเทาลง เมื่อปลายปากกาด้ามเดิมถูดจรดลงไปในหน้ากระดาษแผ่นใหม่ ยินดีและยอมรับกับสิ่งที่ผ่านมา พร้อมเปิดใจให้กับสิ่งที่มันกำลังจะเกิดต่อไปจากนี้
12 ชั่วโมงผ่านไปไวแค่ขยิบตา !!!
ตาซ้ายของผมเริ่มสะลึมสะลือขึ้นมาก่อนที่ตาขวาจะเปิดขึ้นเป็นคิวถัดไป ตอนนี้เป็นเวลาที่เช้าเกินไปกว่าที่สมองจะใส่งานให้สายตาทั้งสองข้างเปิดรูรับแสงอรุณรุ่งที่เชียงใหม่ได้
ผมก้าวลงจากรถพร้อมสูดอากาศไปหนึ่งฟอด
อุณหภูมิตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ปริมาณความหนาวเย็นที่ผมคาดไว้
หรือนี่เป็นแค่เพียงความฝัน
เสียงนาฬิกาปลุกของผมเริ่มดังขึ้นพร้อมรับกับเช้าวันใหม่
ผมเริ่มแน่ใจแล้วว่าที่นี่ไม่ใช่ความฝัน
เสียงของนาฬิกาปลุกเริ่มดังถี่ขึ้นๆ ตอนนี้ร่างกายดูเหมือนจะไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงแม้จะเอื้อมนิ้วแบนๆไปกดสวิตส์ปิด
"จ๊อกๆ จ๊อกๆ"
เสียงยังคงดังต่อเนื่องมาจากพุงก้อนกลมๆ
ตอนนี้ได้เวลาที่พวกเราจะก้าวขาที่อ่อนแรงออกไปเติมพลังงานที่ถูกใช้หมดไปในความฝันเมื่อคืนก่อน
ในร้านโจ๊กที่มีติ่มซำขายตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยกัน
(ขยิบตาครั้งที่สอง)
ณ จุดพักสายตา
12 ชั่วโมง !!!
ผมเริ่มชักคันๆที่หางตาเบาๆ เมื่อรับรู้ว่าเราจะต้องใช้เวลาเกือบ 12 ชั่วโมงบนรถตู้ติดแอร์เย็นฉ่ำ การนอนหลับพักผ่อนคงไม่สบายเหมือนการนอนบนเตียงนุ่มๆเป็นแน่ หากท้องไส้ที่เคยทำงานปกติกลับเปลี่ยนไปอยู่เหนืออำนาจการควบคุมขึ้นมา จะยังมีปั๊มไหนเปิดไฟรับพวกเราเข้าไปปลดอาวุธทิ้งระเบิดกันได้อยู่หรือไม่
เวลาที่ยาวนานไม่ได้บอกว่าการเดินทางในครั้งหนึ่งจะยาวไกลสักแค่ไหน บางทีเวลาก็เป็นเหมือนกระดาษหน้าหนึ่งที่รอให้เราลงมือจดบันทึกลงไป
ตอนนี้ผมกำลังใช้เวลา+ปากกาในมือขีดเขียนความรู้สึกลงไปบนหน้ากระดาษนั้น พร้อมกับนั่งร่างเรื่องราวดีๆอีกมากมาย
ไฟสลัวๆจากข้างทาง บรรยากาศที่เงียบสงัด ชวนให้ผมเริ่มนึกถึงเรื่องราวจากหน้ากระดาษในครั้งก่อน ใครจะรู้บ้างว่าการเดินทางในครั้งนี้ผมแบกบางสิ่งที่หนักมากไปกว่าสัมภาระหรือกระเป๋าเดินทาง บางทีความหนักนั้นอาจจะถูกบรรเทาลง เมื่อปลายปากกาด้ามเดิมถูดจรดลงไปในหน้ากระดาษแผ่นใหม่ ยินดีและยอมรับกับสิ่งที่ผ่านมา พร้อมเปิดใจให้กับสิ่งที่มันกำลังจะเกิดต่อไปจากนี้
12 ชั่วโมงผ่านไปไวแค่ขยิบตา !!!
ตาซ้ายของผมเริ่มสะลึมสะลือขึ้นมาก่อนที่ตาขวาจะเปิดขึ้นเป็นคิวถัดไป ตอนนี้เป็นเวลาที่เช้าเกินไปกว่าที่สมองจะใส่งานให้สายตาทั้งสองข้างเปิดรูรับแสงอรุณรุ่งที่เชียงใหม่ได้
ผมก้าวลงจากรถพร้อมสูดอากาศไปหนึ่งฟอด
อุณหภูมิตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ปริมาณความหนาวเย็นที่ผมคาดไว้
หรือนี่เป็นแค่เพียงความฝัน
เสียงนาฬิกาปลุกของผมเริ่มดังขึ้นพร้อมรับกับเช้าวันใหม่
ผมเริ่มแน่ใจแล้วว่าที่นี่ไม่ใช่ความฝัน
เสียงของนาฬิกาปลุกเริ่มดังถี่ขึ้นๆ ตอนนี้ร่างกายดูเหมือนจะไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงแม้จะเอื้อมนิ้วแบนๆไปกดสวิตส์ปิด
"จ๊อกๆ จ๊อกๆ"
เสียงยังคงดังต่อเนื่องมาจากพุงก้อนกลมๆ
ตอนนี้ได้เวลาที่พวกเราจะก้าวขาที่อ่อนแรงออกไปเติมพลังงานที่ถูกใช้หมดไปในความฝันเมื่อคืนก่อน
ในร้านโจ๊กที่มีติ่มซำขายตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น