ล้านนาแค่ขยิบตา #
(ขยิบตาครั้งที่สาม)
ณ แสงแรก
เมื่อหนังท้องเริ่มตึงก็ถึงคราที่หนังตาจะเริ่มเบิกกว้างพร้อมรับกับแสงอรุณรุ่งของเช้าวันใหม่
เราตั้งต้นกันที่สถานีแรกที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากคูเมืองมากนัก
ณ วัดโลกโมฬี
เราต่างก้าวเท้าลงจากรถเพื่อสูดอากาศยามเช้ากันอีกครั้ง ตอนนี้ยังคงเป็นเวลาที่แสงแรกของวันยังคงหลับไหลอยู่ภายใต้กลีบเมฆสีเทาหม่นๆบนท้องฟ้า
ผมเริ่มหยิบกล้องออกจากกระเป๋าและเดินสำรวจ
กำแพงของวัดทำจากอิฐโบราณหลายร้อยปี รูปปั้นพญานาค ยักษ์ ฤาษี ยังยืนยันความเก่าแก่ได้เป็นอย่างดี ศาลาของวัดถูกประดับตกแต่งไปด้วยโคมยี่เป็งหลากสีสวยงาม ด้านหลังเป็นที่ตั้งของเจดีย์ขนาดใหญ่ คล้ายกับกำลังโอบอุ้มพื้นที่บริเวณวัดให้กลายเป็นหนึ่งเดียว
ตอนนี้เข็มยาวกำลังเคลื่อนไปที่เลข 12 ในขณะที่เข็มสั้นทิ้งดิ่งชี้ไปที่เลข 6
เวลา 6.00 น บนหน้าปัดนาฬิกาของผมตอนนี้ดูไม่แตกต่างไปจาก 6.00 น บนหน้าปัดนาฬิกาในวันปกติ ยกเว้นก็แต่หัวใจที่กำลังเต้นช้าลง สมองที่คิดน้อยลง และสายตาที่มองสิ่งรอบตัวมากขึ้น แสงแรกของวันกำลังจะคลืบคลานผ่านมาอย่างช้าๆ ในขณะที่ความเร่งรีบของผมมีอัตราเร่งเท่ากับศูนย์ ผมกำลังปล่อยให้นาฬิกาทำหน้าที่รักษาเวลาของมันต่อไป และปล่อยหัวใจทำหน้าที่เก็บเกี่ยวความอบอุ่นจากแสงแดดที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
นิ้วแบนๆของผมเตรียมพร้อมกดลงบนชัตเตอร์ ในขณะที่สายตากำลังจดจ่ออยู่ที่ปลายก้อนเมฆสีครามที่ตัดกับแสงแรกของวัน เมื่อแสงนั้นเคลื่อนมาถึง เราจะเริ่มบรรจงจดบันทึกพวกเขาเอาไว้ในความทรงจำผ่านเลนส์ตัวนี้
ว่าแต่ทำไมตอนนี้เข็มวินาทีของผมมันถึงเริ่มเดินช้าลงๆ
หรือจริงๆแล้วหนึ่งวินาทีของเราไม่เคยเท่ากัน
(ขยิบตาครั้งที่สาม)
ณ แสงแรก
เมื่อหนังท้องเริ่มตึงก็ถึงคราที่หนังตาจะเริ่มเบิกกว้างพร้อมรับกับแสงอรุณรุ่งของเช้าวันใหม่
เราตั้งต้นกันที่สถานีแรกที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากคูเมืองมากนัก
ณ วัดโลกโมฬี
เราต่างก้าวเท้าลงจากรถเพื่อสูดอากาศยามเช้ากันอีกครั้ง ตอนนี้ยังคงเป็นเวลาที่แสงแรกของวันยังคงหลับไหลอยู่ภายใต้กลีบเมฆสีเทาหม่นๆบนท้องฟ้า
ผมเริ่มหยิบกล้องออกจากกระเป๋าและเดินสำรวจ
กำแพงของวัดทำจากอิฐโบราณหลายร้อยปี รูปปั้นพญานาค ยักษ์ ฤาษี ยังยืนยันความเก่าแก่ได้เป็นอย่างดี ศาลาของวัดถูกประดับตกแต่งไปด้วยโคมยี่เป็งหลากสีสวยงาม ด้านหลังเป็นที่ตั้งของเจดีย์ขนาดใหญ่ คล้ายกับกำลังโอบอุ้มพื้นที่บริเวณวัดให้กลายเป็นหนึ่งเดียว
ตอนนี้เข็มยาวกำลังเคลื่อนไปที่เลข 12 ในขณะที่เข็มสั้นทิ้งดิ่งชี้ไปที่เลข 6
เวลา 6.00 น บนหน้าปัดนาฬิกาของผมตอนนี้ดูไม่แตกต่างไปจาก 6.00 น บนหน้าปัดนาฬิกาในวันปกติ ยกเว้นก็แต่หัวใจที่กำลังเต้นช้าลง สมองที่คิดน้อยลง และสายตาที่มองสิ่งรอบตัวมากขึ้น แสงแรกของวันกำลังจะคลืบคลานผ่านมาอย่างช้าๆ ในขณะที่ความเร่งรีบของผมมีอัตราเร่งเท่ากับศูนย์ ผมกำลังปล่อยให้นาฬิกาทำหน้าที่รักษาเวลาของมันต่อไป และปล่อยหัวใจทำหน้าที่เก็บเกี่ยวความอบอุ่นจากแสงแดดที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
นิ้วแบนๆของผมเตรียมพร้อมกดลงบนชัตเตอร์ ในขณะที่สายตากำลังจดจ่ออยู่ที่ปลายก้อนเมฆสีครามที่ตัดกับแสงแรกของวัน เมื่อแสงนั้นเคลื่อนมาถึง เราจะเริ่มบรรจงจดบันทึกพวกเขาเอาไว้ในความทรงจำผ่านเลนส์ตัวนี้
ว่าแต่ทำไมตอนนี้เข็มวินาทีของผมมันถึงเริ่มเดินช้าลงๆ
หรือจริงๆแล้วหนึ่งวินาทีของเราไม่เคยเท่ากัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น