ล้านนาแค่ขยิบตา #
(ขยิบตาครั้งที่สิบ)
ณ ช่วงเวลาเร่งด่วน
ขณะนี้เป็นเวลา 12.00
รอยยิ้มบนดอยทำให้เราหลงลืมเวลานัดหมายไปชั่วขณะ ตอนนี้รถตู้สองคันกำลังรีบบึ่งกลับไปยังที่พัก ซึ่งสมาชิกทุกคนจะต้องรีบเช็คเอาท์ออกจากห้องให้ทันก่อนบ่ายโมง พวกเราจำต้องลืมช่วงเวลาเหยียดแข้งเหยียดบนเตียงนุ่มๆไปเลย
บ่ายโมงตรงตามเวลานัดหมาย เรากำลังจะออกเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแห่งใหม่ในจังหวัดที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากล้านนานัก
แสงแดดตอนบ่ายโมงส่องสะท้อนผ่านกระจกเข้ามาแยงตา แต่ความเหนื่อยล้าและความง่วงก็ไม่แยแสต่อสิ่งเร้าใดๆ พวกเราต่างหลับผล็อยกันอย่างคนหมดสติ เว้นไว้แต่พี่คนขับที่ต้องข่มหนังตาด้วยกาแฟเข้มๆกับเครื่องดื่มชูกำลังเป็นระยะ
แค่ขยิบตาไม่ถึงสิบครั้งพวกเราก็มาถึงเมืองรถม้าได้โดยเร็วพลัน
ผมรีบคว้ากล้องออกมาจากกระเป๋าเพื่อกดลั่นชัตเตอร์ทันทีที่ออกจากรถ ดูเหมือนว่าภาพความเชื่องช้าเบื้องหน้าจะมีเสน่ห์มากกว่าการเหยียบคันเร่งเพื่อไปให้ถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว ผมขยิบตาข้างหนึ่งจ้องภาพนั้นผ่านเลนส์จนกระทั่งรถม้าค่อยๆแล่นหลุดโฟกัสออกไป
บางทีการเดินทางก็เหมือนการออกไปสังเกตความเป็นไปของผู้คนรอบข้าง การรีบเร่งไปถึงจุดหมายอาจจะทำให้เราพลาดบางสิ่ง และจุดหมายปลายทางนั้นอาจดูเงียบเหงา เมื่อขาดผู้คนที่จะคอยยืนเคียงข้างเรา
แสงแดดตกกระทบพระธาตุเบื้องหน้าชวนให้ผมกำลังใช้ความเชื่องช้าย่องเข้าไปเชยชมความมหัศจรรย์ในวัดพระธาตุลำปางหลวง
ความประหลาดใจได้เกิดขึ้นเมื่อผมเพิ่งทราบข้อมูลจากพี่ชายหัวหน้าทริปว่าจริงๆพระธาตุแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในแพลนที่เราจะไปกัน แต่บังเอิญสถานที่ที่เราจะไปถูกปิดเข้าไปไม่ได้ ทำให้เราต้องเปลี่ยนแผนมาที่แห่งนี้แทน ซึ่งพระธาตุแห่งนี้เป็นพระธาตุประจำปีฉลูประจำปีเกิดของผมที่ควรค่าต่อการมาสักการะ
ตอนนี้ผมชักเริ่มสงสัยแล้วว่าสิ่งใดนำทางให้ผมมายืนอยู่ที่นี่ หากเราไม่เคยคาดหวังกับผลลัพธ์ที่ปรากฏ ใครกันที่สรรค์สร้างเรื่องราวต่างๆให้เกิดขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
เสียงเรียกจากพี่เสื้อแดงกางเกงสีเทาบนมณฑป กำลังเชิญชวนให้พวกเราเข้าไปจับจ้องความน่าประหลาดใจอีกอย่างหนึ่ง
พวกเราทยอยปีนขึ้นไปบนมณฑปจนครบ พี่เสื้อแดงก็ค่อยๆปิดประตูบานนอก เหลือไว้แต่เพียงรูเล็กๆให้แสงส่องผ่านเข้ามา พวกเราหลับตาลงเพื่อปรับสภาพสายตาซักครู่
ตอนนี้ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือพระธาตุหัวกลับที่มีลักษณะทุกอย่างคล้ายกับพระธาตุที่ตั้งอยู่ภายนอก รายละเอียดของภาพชัดเจน จนเห็นแม้กระทั่งผู้คนที่กำลังเดินวนเวียนอยู่รอบๆ
บนฉากผ้าขาวเพียงผืนเดียวกำลังสะท้อนภาพพระธาตุหัวกลับในซุ้มอันมืดมิด ผมแทบไม่เชื่อสายตาที่พบเห็น
ความประหลาดใจสอนให้ผมอย่ายึดติดกับสิ่งที่เราได้เคยรับรู้มาก่อนหน้า เมื่อบนโลกใบนี้กว้างใหญ่แถมมีอะไรอีกตั้งมากมายรอให้เราผ่านไปพบเจอ
หากวันนั้นไม่ตัดสินใจออกเดินทางแล้ววันไหนถึงจะเจอ
(ขยิบตาครั้งที่สิบ)
ณ ช่วงเวลาเร่งด่วน
ขณะนี้เป็นเวลา 12.00
รอยยิ้มบนดอยทำให้เราหลงลืมเวลานัดหมายไปชั่วขณะ ตอนนี้รถตู้สองคันกำลังรีบบึ่งกลับไปยังที่พัก ซึ่งสมาชิกทุกคนจะต้องรีบเช็คเอาท์ออกจากห้องให้ทันก่อนบ่ายโมง พวกเราจำต้องลืมช่วงเวลาเหยียดแข้งเหยียดบนเตียงนุ่มๆไปเลย
บ่ายโมงตรงตามเวลานัดหมาย เรากำลังจะออกเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแห่งใหม่ในจังหวัดที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากล้านนานัก
แสงแดดตอนบ่ายโมงส่องสะท้อนผ่านกระจกเข้ามาแยงตา แต่ความเหนื่อยล้าและความง่วงก็ไม่แยแสต่อสิ่งเร้าใดๆ พวกเราต่างหลับผล็อยกันอย่างคนหมดสติ เว้นไว้แต่พี่คนขับที่ต้องข่มหนังตาด้วยกาแฟเข้มๆกับเครื่องดื่มชูกำลังเป็นระยะ
แค่ขยิบตาไม่ถึงสิบครั้งพวกเราก็มาถึงเมืองรถม้าได้โดยเร็วพลัน
ผมรีบคว้ากล้องออกมาจากกระเป๋าเพื่อกดลั่นชัตเตอร์ทันทีที่ออกจากรถ ดูเหมือนว่าภาพความเชื่องช้าเบื้องหน้าจะมีเสน่ห์มากกว่าการเหยียบคันเร่งเพื่อไปให้ถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว ผมขยิบตาข้างหนึ่งจ้องภาพนั้นผ่านเลนส์จนกระทั่งรถม้าค่อยๆแล่นหลุดโฟกัสออกไป
บางทีการเดินทางก็เหมือนการออกไปสังเกตความเป็นไปของผู้คนรอบข้าง การรีบเร่งไปถึงจุดหมายอาจจะทำให้เราพลาดบางสิ่ง และจุดหมายปลายทางนั้นอาจดูเงียบเหงา เมื่อขาดผู้คนที่จะคอยยืนเคียงข้างเรา
แสงแดดตกกระทบพระธาตุเบื้องหน้าชวนให้ผมกำลังใช้ความเชื่องช้าย่องเข้าไปเชยชมความมหัศจรรย์ในวัดพระธาตุลำปางหลวง
ความประหลาดใจได้เกิดขึ้นเมื่อผมเพิ่งทราบข้อมูลจากพี่ชายหัวหน้าทริปว่าจริงๆพระธาตุแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในแพลนที่เราจะไปกัน แต่บังเอิญสถานที่ที่เราจะไปถูกปิดเข้าไปไม่ได้ ทำให้เราต้องเปลี่ยนแผนมาที่แห่งนี้แทน ซึ่งพระธาตุแห่งนี้เป็นพระธาตุประจำปีฉลูประจำปีเกิดของผมที่ควรค่าต่อการมาสักการะ
ตอนนี้ผมชักเริ่มสงสัยแล้วว่าสิ่งใดนำทางให้ผมมายืนอยู่ที่นี่ หากเราไม่เคยคาดหวังกับผลลัพธ์ที่ปรากฏ ใครกันที่สรรค์สร้างเรื่องราวต่างๆให้เกิดขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
เสียงเรียกจากพี่เสื้อแดงกางเกงสีเทาบนมณฑป กำลังเชิญชวนให้พวกเราเข้าไปจับจ้องความน่าประหลาดใจอีกอย่างหนึ่ง
พวกเราทยอยปีนขึ้นไปบนมณฑปจนครบ พี่เสื้อแดงก็ค่อยๆปิดประตูบานนอก เหลือไว้แต่เพียงรูเล็กๆให้แสงส่องผ่านเข้ามา พวกเราหลับตาลงเพื่อปรับสภาพสายตาซักครู่
ตอนนี้ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือพระธาตุหัวกลับที่มีลักษณะทุกอย่างคล้ายกับพระธาตุที่ตั้งอยู่ภายนอก รายละเอียดของภาพชัดเจน จนเห็นแม้กระทั่งผู้คนที่กำลังเดินวนเวียนอยู่รอบๆ
บนฉากผ้าขาวเพียงผืนเดียวกำลังสะท้อนภาพพระธาตุหัวกลับในซุ้มอันมืดมิด ผมแทบไม่เชื่อสายตาที่พบเห็น
ความประหลาดใจสอนให้ผมอย่ายึดติดกับสิ่งที่เราได้เคยรับรู้มาก่อนหน้า เมื่อบนโลกใบนี้กว้างใหญ่แถมมีอะไรอีกตั้งมากมายรอให้เราผ่านไปพบเจอ
หากวันนั้นไม่ตัดสินใจออกเดินทางแล้ววันไหนถึงจะเจอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น