แบตเตอรี่ก้อนเดิม
ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้ฟ้าฝนถึงได้เคร่งครัดดั่งผู้รักษากฏ ที่ได้ดลบรรดาลหยาดน้ำหยดน้อยๆตกลงมาในเวลาเดิมๆทุกวัน
ใกล้ถึงเวลาเข็มยาวเคลื่อนเข้าใกล้เข็มสั้นที่เลข 11 ทีไร
ท้องฟ้าก็เริ่มตั้งเค้ารอกลั่นตัวเป็นหยดน้ำโปรยปรายเม็ดฝนให้ตกลง ณ สถานที่เดิมๆ
ห้าทุ่มเมื่อวานกับห้าทุ่มวันนี้ยังคงมีเสียงหยดฝนกระทบกับหลังคาดังอยู่เบาๆ ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ ยังคงดังอยู่เนืองๆ
แต่แปลกที่วันนี้ต่างจากเมื่อวาน
ตัวอักษรของผมในวันนี้ ไม่ได้ถูกพิมพ์ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์คู่กายอย่างเช่นทุกวัน ตัวอักษรเหล่านี้กำลังถูกนิ้วมือแบนๆทั้งสิบบรรจงกด เริ่มต้นจาก พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ทีละตัวอย่างละเมียดละไม ท่ามกลางแสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์ที่ส่องแสงนวลๆออกมาเป็นระยะๆ
คืนนี้ดูมืดมิดกว่าทุกวัน
เมื่อหยดฝนได้ทำให้สิ่งของบางอย่างเปลี่ยนไป
คอมพิวเตอร์ที่เคยใช้งานกลับเปิดไม่ติด ทั้งที่เมื่อวานก็ยังใช้งานได้อย่างปกติ แต่ที่ไม่ติด เพราะวันนี้ "ไฟดับ"
ต้นตอของอาการไฟดับคงยากเกินจะสาวไส้ให้ใครกิน
ทำไมฝนตกแล้วไฟจึงดับ คงเป็นคำถามที่ยากพอกับตอนที่เราเคยทายกันสมัยประถมว่า ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน
ในขณะที่ผมกำลังไล่เรียงตัวอักษรจากแป้นคีย์บอร์ดบนโทรศัพท์เครื่องน้อยๆ คงเป็นเวลาเดียวกับที่ไฟสัญญาณสีเหลืองบนจอโทรศัพท์เริ่มเตือนว่า มันกำลังจะต้องมอดดับลงภายในเวลาอีกไม่เกิน 15 นาที
แบตเตอรี่ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์ที่สามารถสร้างชีวิตใหม่ให้กับตัวเองได้ทุกครั้ง หลังจากที่มันได้รับกระแสไฟฟ้าครั้งใหม่
และแบตเตอรี่คงไม่เคยเก็บความรู้สึกแย่ๆให้ยืดยาว
บางวันที่มันเริ่มอ่อนแรง มันก็ขอแค่หยุดพักเพื่อชาร์ตพลังงานใหม่เข้าไปให้เต็มที่ พอถึงเช้าวันใหม่พลังงานที่สะสมในตัวมันก็พร้อมที่จะปลดปล่อยสู่ภายนอกต่อไป
ผ่านมา 10 นาที
สัญญาณแบตเตอรี่ของผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงซีดเต็มทีแล้ว
แต่การไฟฟ้ายังคงดึงดันที่จะไม่จ่ายไฟออกมาให้แบตเตอรี่ที่น่าสงสาร
คืนนี้ผมคงได้แต่เสียบเจ้าโทรศัพท์มือถือคู่ใจไว้กับปลั๊กที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจว่าไฟฟ้าจะกลับมาติดอีกครั้งเมื่อไหร่
ผมได้แต่หวังว่าในเช้าวันใหม่พรุ่งนี้ รูปภาพแบตเตอรี่บนจอโทรศัพท์จะเปลี่ยนกลับไปเป็นสีเขียวสว่างๆอีกครั้ง
เมื่อชาร์ตพลังงานเต็มที่ เช้าวันใหม่ก็เกิดขึ้นได้เสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น