เหนื่อยใจ
อาการแน่นอกหนักใจอาจจะป็นสภาวะหนึ่งที่พึงปรารถนาของใครหลายคน ยิ่งสมัยนี้วิวัฒนาการศัลยแพทย์รุกหน้า การเพิ่มน้ำหนักของหัวอกหัวใจของบรรดาสาวๆหนุ่มๆ(น้อยๆ)ก็ง่ายดายกันไปใหญ่
ยิ่งไปกว่าสมัยนี้แค่ 6 วินาทีก็มากเกินพอสำหรับการดันหัวอกน้อยๆให้อิ่มเอิบจนคับจอกันได้แล้ว
หากนั่นไม่ใช่ความหมายที่แท้จริงของอาการแน่นอก+หนักใจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ทุกวี่วัน
อาการนี้มันดันเิกิดขึ้นอยู่ข้างในแทนที่จะอยู่ข้างนอก และไม่ว่าจะอย่างไรซิลิโคนที่ซ่อนเล้นอยู่ภายในโครงโมเดิร์น-วีก็ไม่สามารถจะช่วยดันมันออกไปจากหัวใจของเราได้ง่ายๆ
"เหนื่อยใจ" คำพูดสั้นๆพร้อมถอนหายใจเบาๆ ก็เพียงพอจะเป็นโถระบายความขุ่นมัวในจิตใจที่ง่ายดายที่สุด
หากคำพูดนั้นถูกส่งกระจายไปยังผู้คนรอบกายซักหนึ่งหรือสองคนที่พร้อมนั่งฟังเราอย่างใจจดใจจ่อ การระบายครั้งนั้นก็ยิ่งทุเลาลงไปได้มากขึ้น
แม้จริงๆแล้วหัวใจจะแค่เป็นกล้ามเนื้อลายชนิดหนึ่งที่อยู่นอกอำนาจจิตใจ แต่ทุกครั้งที่ได้ระบายออกไปกลับทำให้หัวใจดวงนั้นกลับสูบฉีดโลหิตได้ดีขึ้นกว่าเดิม
เหนื่อยใจทุกครั้งที่ไม่ได้ดั่งใจหวัง ดั่งใจนึก หรือดั่งใจคิด
ผมชักเริ่มสงสัยว่าหัวใจของเรานั้นมันมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่จริงๆหรือ
หรือที่เราพูดอยู่กันทุกวี่วันว่า เหนื่อยใจ.. เหนื่อยใจ.. เหนื่อยใจ..
แท้จริงมันคือกลไกการตอบสนองจากความคิด ,ไม่ใช่หัวใจ
ยิ่งคิด ยิ่งหวัง ยิ่งรู้สึก ยิ่งเหงา ยิ่งเศร้า ยิ่งหดหู่
หากความคิดกำลังนำพาเราเข้าสู่แสงหริหรี่ที่ต้นอุโมงค์ แต่ในขณะที่หัวใจยังคงสูบฉีดให้เราเร่งรีบจ้ำหนีไปยังแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ฤาเรากำลังโยนความผิดครั้งนี้ให้กลับหัวใจ ผู้ที่คอยดูแลและห่วงใยเราเสมอมา
หัวใจไม่เคยบ่นว่าเหน็ดเหนื่อยตราบใดที่เจ้าของหัวใจยังคงไม่ยอมแพ้ ยิ่งหัวใจจะผิดหวังหรือเสียใจมากเท่าไหร่ จะทุกข์ร้อนและเหน็บหนาวมากแค่ไหน มันก็ยังคงเต้นด้วยจังหวะที่คงที่เสมอ
จังหวะที่คุ้นเคยคอยปลอบประโลมให้เจ้าของของมันรู้ว่า เมื่อหัวใจยังเต้นจงก้าวเดินต่อไป
หากวันไหนยังรู้สึกว่าเหนื่อยใจอีก ให้ลองกำมือซ้ายชูกำปั้นขึ้นมาใกล้ๆราวนมพร้อมขยำมันอยู่เนืองๆ นี่แหละหัวใจแท้จริงที่ไม่เคยเหน็ดเหนื่อยกับสิ่งใด
อาการแน่นอกหนักใจอาจจะป็นสภาวะหนึ่งที่พึงปรารถนาของใครหลายคน ยิ่งสมัยนี้วิวัฒนาการศัลยแพทย์รุกหน้า การเพิ่มน้ำหนักของหัวอกหัวใจของบรรดาสาวๆหนุ่มๆ(น้อยๆ)ก็ง่ายดายกันไปใหญ่
ยิ่งไปกว่าสมัยนี้แค่ 6 วินาทีก็มากเกินพอสำหรับการดันหัวอกน้อยๆให้อิ่มเอิบจนคับจอกันได้แล้ว
หากนั่นไม่ใช่ความหมายที่แท้จริงของอาการแน่นอก+หนักใจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ทุกวี่วัน
อาการนี้มันดันเิกิดขึ้นอยู่ข้างในแทนที่จะอยู่ข้างนอก และไม่ว่าจะอย่างไรซิลิโคนที่ซ่อนเล้นอยู่ภายในโครงโมเดิร์น-วีก็ไม่สามารถจะช่วยดันมันออกไปจากหัวใจของเราได้ง่ายๆ
"เหนื่อยใจ" คำพูดสั้นๆพร้อมถอนหายใจเบาๆ ก็เพียงพอจะเป็นโถระบายความขุ่นมัวในจิตใจที่ง่ายดายที่สุด
หากคำพูดนั้นถูกส่งกระจายไปยังผู้คนรอบกายซักหนึ่งหรือสองคนที่พร้อมนั่งฟังเราอย่างใจจดใจจ่อ การระบายครั้งนั้นก็ยิ่งทุเลาลงไปได้มากขึ้น
แม้จริงๆแล้วหัวใจจะแค่เป็นกล้ามเนื้อลายชนิดหนึ่งที่อยู่นอกอำนาจจิตใจ แต่ทุกครั้งที่ได้ระบายออกไปกลับทำให้หัวใจดวงนั้นกลับสูบฉีดโลหิตได้ดีขึ้นกว่าเดิม
เหนื่อยใจทุกครั้งที่ไม่ได้ดั่งใจหวัง ดั่งใจนึก หรือดั่งใจคิด
ผมชักเริ่มสงสัยว่าหัวใจของเรานั้นมันมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่จริงๆหรือ
หรือที่เราพูดอยู่กันทุกวี่วันว่า เหนื่อยใจ.. เหนื่อยใจ.. เหนื่อยใจ..
แท้จริงมันคือกลไกการตอบสนองจากความคิด ,ไม่ใช่หัวใจ
ยิ่งคิด ยิ่งหวัง ยิ่งรู้สึก ยิ่งเหงา ยิ่งเศร้า ยิ่งหดหู่
หากความคิดกำลังนำพาเราเข้าสู่แสงหริหรี่ที่ต้นอุโมงค์ แต่ในขณะที่หัวใจยังคงสูบฉีดให้เราเร่งรีบจ้ำหนีไปยังแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ฤาเรากำลังโยนความผิดครั้งนี้ให้กลับหัวใจ ผู้ที่คอยดูแลและห่วงใยเราเสมอมา
หัวใจไม่เคยบ่นว่าเหน็ดเหนื่อยตราบใดที่เจ้าของหัวใจยังคงไม่ยอมแพ้ ยิ่งหัวใจจะผิดหวังหรือเสียใจมากเท่าไหร่ จะทุกข์ร้อนและเหน็บหนาวมากแค่ไหน มันก็ยังคงเต้นด้วยจังหวะที่คงที่เสมอ
จังหวะที่คุ้นเคยคอยปลอบประโลมให้เจ้าของของมันรู้ว่า เมื่อหัวใจยังเต้นจงก้าวเดินต่อไป
หากวันไหนยังรู้สึกว่าเหนื่อยใจอีก ให้ลองกำมือซ้ายชูกำปั้นขึ้นมาใกล้ๆราวนมพร้อมขยำมันอยู่เนืองๆ นี่แหละหัวใจแท้จริงที่ไม่เคยเหน็ดเหนื่อยกับสิ่งใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น