หนี
บางครั้งโลกใบกลมๆก็คงเหลือไว้เพียงแต่เรื่องราวซ้ำๆซากๆจำเจ ความเป็นจริงที่แสนจะอึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยให้อยากทำอะไรต่อมิอะไรต่อไป
หรือไม่ฉันก็แค่ต้องการชีวิตที่เป็นแบบนี้+อย่างนี้+ในขณะนี้ ชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรน ชีวิตที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ชีวิตที่อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยและไร้กังวล
ความคิดเหล่านี้เคยคลุกเคล้าอยู่ในหัวสมองที่มีรอยหยักเป็นล้านๆของผมเมื่อหลายปีก่อน สภาวะสมองที่ไม่มีทั้งขั้วบวกไม่มีขั้วลบ ไม่มีขั้วเหนือหรือใต้ ชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะกำหนดทิศทางของตัวเองได้อย่างไร
เมื่อไม่มีทิศไม่มีทาง คงไม่พ้นที่กระแสประสาทจากไขสันหลังจะเริ่มตอบสนองอัตโนมัติเพื่อเรียกร้องความสนใจ ให้เราเริ่มรู้จักกับปฏิกิริยาตอบโต้ที่เรียกว่าการ "หนี"
หนีจากสถานการณ์ที่จำเจ หนีจากเรื่องราวที่ซ้ำซาก หนีจากสภาวะที่ไร้น้ำหนักหรือไร้ทิศทาง
คงเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่ผมพยายามค้นหาคำตอบเหล่านั้นด้วยการหนีเช่นกัน
อิสรภาพคำง่ายๆแต่ความหมายสุดลึกล้ำ
อิสรภาพคือคำง่ายๆที่เราใช้กันเป็นข้ออ้างเพื่อหนีบางสิ่ง
อิสรภาพไม่ใช่การมีเวลาว่างมากขึ้นเพื่อทำตามใจตัวเอง
แต่อิสรภาพคือการใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบกลมๆใบนี้ทุกวันได้อย่างมีความหมาย
บทสรุปของการหนีของผมในครั้งนั้นจบไม่เป็นท่า
การล้มครั้งก่อนเรียกร้องให้ผมต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง
การวิ่งหนีแบบสะเปะสะปะกำลังทำให้การหกล้มเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ดั่งถนนที่ไม่มีเลนขีดกำกับไว้ย่อมก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้นตามนั้น
การหนีมีไว้ใช้เพื่อการหลบหลีกบางสิ่งที่เราไม่ต้องการหรือไม่อยากเจอ
แต่เมื่อเรายังคงเป็นมนุษย์ที่มีชีวิต เราจึงต้องสร้างชีวิตให้ดีมากขึ้นทุกๆวัน
"การลาออกครั้งสุดท้าย" เป็นหนังสือเล่มแรกที่ทำให้ผมเริ่มค้นหาหนทางเพื่อหนีออกจากระบบที่ซ้ำซากจำเจ และเริ่มค้นหาอิสรภาพดั่งเมื่อหลายปีก่อน
หากวันนั้นหนังสือเล่มที่สองของใบพัดไม่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง
ผมก็คงยังไม่ได้พบกับวิธีการที่แยบยลไปมากกว่าการหนี
วิธีการที่จะทำให้ "เรา(จะ)มีชีวิตที่ดี"
บางครั้งโลกใบกลมๆก็คงเหลือไว้เพียงแต่เรื่องราวซ้ำๆซากๆจำเจ ความเป็นจริงที่แสนจะอึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยให้อยากทำอะไรต่อมิอะไรต่อไป
หรือไม่ฉันก็แค่ต้องการชีวิตที่เป็นแบบนี้+อย่างนี้+ในขณะนี้ ชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรน ชีวิตที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ชีวิตที่อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยและไร้กังวล
ความคิดเหล่านี้เคยคลุกเคล้าอยู่ในหัวสมองที่มีรอยหยักเป็นล้านๆของผมเมื่อหลายปีก่อน สภาวะสมองที่ไม่มีทั้งขั้วบวกไม่มีขั้วลบ ไม่มีขั้วเหนือหรือใต้ ชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะกำหนดทิศทางของตัวเองได้อย่างไร
เมื่อไม่มีทิศไม่มีทาง คงไม่พ้นที่กระแสประสาทจากไขสันหลังจะเริ่มตอบสนองอัตโนมัติเพื่อเรียกร้องความสนใจ ให้เราเริ่มรู้จักกับปฏิกิริยาตอบโต้ที่เรียกว่าการ "หนี"
หนีจากสถานการณ์ที่จำเจ หนีจากเรื่องราวที่ซ้ำซาก หนีจากสภาวะที่ไร้น้ำหนักหรือไร้ทิศทาง
คงเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่ผมพยายามค้นหาคำตอบเหล่านั้นด้วยการหนีเช่นกัน
อิสรภาพคำง่ายๆแต่ความหมายสุดลึกล้ำ
อิสรภาพคือคำง่ายๆที่เราใช้กันเป็นข้ออ้างเพื่อหนีบางสิ่ง
อิสรภาพไม่ใช่การมีเวลาว่างมากขึ้นเพื่อทำตามใจตัวเอง
แต่อิสรภาพคือการใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบกลมๆใบนี้ทุกวันได้อย่างมีความหมาย
บทสรุปของการหนีของผมในครั้งนั้นจบไม่เป็นท่า
การล้มครั้งก่อนเรียกร้องให้ผมต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง
การวิ่งหนีแบบสะเปะสะปะกำลังทำให้การหกล้มเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ดั่งถนนที่ไม่มีเลนขีดกำกับไว้ย่อมก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้นตามนั้น
การหนีมีไว้ใช้เพื่อการหลบหลีกบางสิ่งที่เราไม่ต้องการหรือไม่อยากเจอ
แต่เมื่อเรายังคงเป็นมนุษย์ที่มีชีวิต เราจึงต้องสร้างชีวิตให้ดีมากขึ้นทุกๆวัน
"การลาออกครั้งสุดท้าย" เป็นหนังสือเล่มแรกที่ทำให้ผมเริ่มค้นหาหนทางเพื่อหนีออกจากระบบที่ซ้ำซากจำเจ และเริ่มค้นหาอิสรภาพดั่งเมื่อหลายปีก่อน
หากวันนั้นหนังสือเล่มที่สองของใบพัดไม่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง
ผมก็คงยังไม่ได้พบกับวิธีการที่แยบยลไปมากกว่าการหนี
วิธีการที่จะทำให้ "เรา(จะ)มีชีวิตที่ดี"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น