ทุกวันนี้หลายคนคงให้คุณค่ากับการทำงานในบริษัทที่มีหน้ามีตาในสังคม ถ้าลองไปถามเด็กจบจากมหาวิทยาลัยใหม่ๆ คงจะได้คำตอบแบบเดียวกัน นั่นคือพวกเขาจะเลือกบริษัทต่างชาติเป็นอันดับหนึ่ง และเลือกผลตอบแทนของเงินเดือนที่มากๆ ไม่แปลกที่ทุกๆคำตอบจะเป็นเช่นนี้ เพราะมนุษย์ยังคงต้องใช้เงินตราในการอาศัยอยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอๆ แต่อะไรละที่จะสามารถนำมาเป็นศูนย์กลางให้เราสามารถดำรงชีพในสังคมที่เปลี่ยนไป คำตอบนั้นคือ เงิน
ผมเป็นหนึ่งในนั้นที่เชื่อว่าเงินสามารถนำพาความสุข และความมั่นคงของชีวิตได้ระดับหนึ่ง ไม่แปลกที่ผมจะมีความคิดคล้ายๆกับหลายๆคน การเลือกทำงานในบริษัทที่ใหญ่โต การเป็นที่ยอมรับหน้าถือตา เมื่อไปพูดกับใครๆว่าเราอยู่ที่บริษัทต่างชาตินี้ รวมถึงการได้รับเงินเดือนที่สามารถนำมาจับจ่ายใช้สอยได้อย่างสบาย ผมจึงเกิดคำถามขึ้นว่า แล้วถ้าเราไม่ได้เป็นพนักงานบริษัท ถ้าเกิดงานที่คุณไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิตทุกวัน หรือนั่งอยู่หน้าจอคอมให้แอร์รดไปวันๆ มีงานอะไรบ้าง ค่าตอบแทนมันเพียงพอหรือเทียบเท่าได้กับงานในบริษัทใหญ่ๆแค่ไหน
บ่ายวันนี้ผมลองสอดส่องดูอาชีพหนึ่งที่อยู่คู่กับพนักงานออฟฟิตทุกๆเช้า หรือกลางวัน อย่างร้านขายกาแฟ ผมไม่สามารถจะหยั่งรู้ได้ว่าต้นทุน หรือกำไรเขาได้เท่าไหร่ ผมแค่ตั้งสมมติฐานลองคิดคร่าวๆ ว่า ในหนึ่งวันตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึงประมาณบ่าย 3 โมง เขาสามารถชงกาแฟได้อย่างน้อยแก้วละ 10 นาทีในกรณีช่วงที่ลูกค้าอาจจะเข้ามาประปรายบ้าง เขาจะสามารถทำเงินได้ถึงวันละ 6 ครั้ง x 8 ชม x 30 บ. = 1440 บาท ร้านกาแฟสามารถทำเงินได้วันละ 1440 บาท ซึ่งสมมติฐานนี้อาจจะไม้เป็นจริง ถ้าเกิดว่าลูกค้าที่สั่งกาแฟมีมากกว่านั้น หรืออาจจะไม่มีลูกค้าเลย เมื่อคิดเป็นเงินเดือนก็จะสามารถปัดเป็นตัวเลขกลมๆที่ประมาณ 30,000 บาท ซึ่งก็สามารถเทียบเคียงได้กับตำแหน่งสูงๆในบริษัทข้ามชาติได้เหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะยังปัจจัยหลายๆอย่างที่อาจจะทำให้ตัวเลขนี้คลาดเคลื่อนได้ แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลขเงินเดือนจำนวนไม่น้อยที่สามารถเกิดขึ้นได้สำหรับหลายๆคนที่กำลังจะตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ตนเองรักเช่นกัน
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าเราจะทำงานให้กับบริษัทใดๆก็ตาม หรืออาจจะอยู่ในอาชีพส่วนตัว หนึ่งในความสุขที่สามารถเกิดขึ้นในระหว่างที่คุณกำลังสร้างเมล็ดเงินขึ้นมา นั้นคือคุณต้องรักในสิ่งที่คุณทำก่อน ในความหมายของผมคือคุณต้องรักจากใจจริง มิใช่การพยายามข่มตัวเองให้ชอบมัน หรือพยายามทำสิ่งอื่นๆมากลบในสิ่งที่คุณไม่ต้องการมัน เมื่อคุณสามารถเลือกและกระทำในสิ่งที่ตนเองรัก และต้องการ ผลตอบแทนที่เป็นมากกว่าเงินจะเริ่มทยอยเข้ามาหาตัวคุณเช่นกัน
ผมเป็นหนึ่งในนั้นที่เชื่อว่าเงินสามารถนำพาความสุข และความมั่นคงของชีวิตได้ระดับหนึ่ง ไม่แปลกที่ผมจะมีความคิดคล้ายๆกับหลายๆคน การเลือกทำงานในบริษัทที่ใหญ่โต การเป็นที่ยอมรับหน้าถือตา เมื่อไปพูดกับใครๆว่าเราอยู่ที่บริษัทต่างชาตินี้ รวมถึงการได้รับเงินเดือนที่สามารถนำมาจับจ่ายใช้สอยได้อย่างสบาย ผมจึงเกิดคำถามขึ้นว่า แล้วถ้าเราไม่ได้เป็นพนักงานบริษัท ถ้าเกิดงานที่คุณไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิตทุกวัน หรือนั่งอยู่หน้าจอคอมให้แอร์รดไปวันๆ มีงานอะไรบ้าง ค่าตอบแทนมันเพียงพอหรือเทียบเท่าได้กับงานในบริษัทใหญ่ๆแค่ไหน
บ่ายวันนี้ผมลองสอดส่องดูอาชีพหนึ่งที่อยู่คู่กับพนักงานออฟฟิตทุกๆเช้า หรือกลางวัน อย่างร้านขายกาแฟ ผมไม่สามารถจะหยั่งรู้ได้ว่าต้นทุน หรือกำไรเขาได้เท่าไหร่ ผมแค่ตั้งสมมติฐานลองคิดคร่าวๆ ว่า ในหนึ่งวันตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึงประมาณบ่าย 3 โมง เขาสามารถชงกาแฟได้อย่างน้อยแก้วละ 10 นาทีในกรณีช่วงที่ลูกค้าอาจจะเข้ามาประปรายบ้าง เขาจะสามารถทำเงินได้ถึงวันละ 6 ครั้ง x 8 ชม x 30 บ. = 1440 บาท ร้านกาแฟสามารถทำเงินได้วันละ 1440 บาท ซึ่งสมมติฐานนี้อาจจะไม้เป็นจริง ถ้าเกิดว่าลูกค้าที่สั่งกาแฟมีมากกว่านั้น หรืออาจจะไม่มีลูกค้าเลย เมื่อคิดเป็นเงินเดือนก็จะสามารถปัดเป็นตัวเลขกลมๆที่ประมาณ 30,000 บาท ซึ่งก็สามารถเทียบเคียงได้กับตำแหน่งสูงๆในบริษัทข้ามชาติได้เหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะยังปัจจัยหลายๆอย่างที่อาจจะทำให้ตัวเลขนี้คลาดเคลื่อนได้ แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลขเงินเดือนจำนวนไม่น้อยที่สามารถเกิดขึ้นได้สำหรับหลายๆคนที่กำลังจะตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ตนเองรักเช่นกัน
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าเราจะทำงานให้กับบริษัทใดๆก็ตาม หรืออาจจะอยู่ในอาชีพส่วนตัว หนึ่งในความสุขที่สามารถเกิดขึ้นในระหว่างที่คุณกำลังสร้างเมล็ดเงินขึ้นมา นั้นคือคุณต้องรักในสิ่งที่คุณทำก่อน ในความหมายของผมคือคุณต้องรักจากใจจริง มิใช่การพยายามข่มตัวเองให้ชอบมัน หรือพยายามทำสิ่งอื่นๆมากลบในสิ่งที่คุณไม่ต้องการมัน เมื่อคุณสามารถเลือกและกระทำในสิ่งที่ตนเองรัก และต้องการ ผลตอบแทนที่เป็นมากกว่าเงินจะเริ่มทยอยเข้ามาหาตัวคุณเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น