นาฬิกาปลุก
ท่ามกลางความเงียบสงัด ผมยังคงได้ยินเสียงฝีเท้าน้อยๆข้างหนึ่งกำลังเดินอย่างเชื่องช้า ฝีเท้าข้างนั้นยังคงเดินผ่านสถานที่เดิมๆ ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที รวมทั้งทุกๆวินาที
"ตึกๆ ตึกๆ"
แปลกจังที่นาฬิกาแขวนผนังบ้านผมไม่ได้ส่งเสียงติ๊กต๊อก เหมือนของบ้านคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะมันเป็นนาฬิกาเรือนเก่าที่ถูกใช้งานมานาน
ผมไม่แน่ใจว่ามันเดินหมุนวนตามเส้นทางเดิมนี้มาแล้วกี่ปี แต่เท่าที่จำได้ก็ตั้งแต่สมัยที่มันยังเคยตั้งแขวนอยู่หน้าห้องเรียนสมัยมัธยมต้นของผม
เข็มวินาทีของมันถูกเกาะไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียงฝีเท้าของมันดังออกมาประหลาดกว่าชาวบ้านก็ได้
แม้ฝุ่นจะเกาะแกะระแคะระคายตรงซอกหลืบของเข็มวินาทีมากเท่าไหร่ มันกลับยังคงรักษาเวลาได้อย่างถูกต้องเสมอ
(2)
"ปี๊บๆ ปี๊บๆ"
เสียงแหลมๆที่ผมเริ่มคุ้นชินในตอนเช้า แต่ถ้าคุ้นชินจนเมินเฉยก็อาจจะทำให้เช้าวันนั้นเป็นวันที่ยุ่งเหยิงที่สุดก็ได้ เพราะยิ่งสายเท่าไหร่ รถก็ยิ่งติดมากขึ้นเท่านั้น
เสียงเล็กๆที่คอยปลุกเร้าทุกคนตื่นขึ้นจากความฝัน เพื่อกลับมาเผชิญหน้าอยู่บนโลกแห่งความจริงต่อไป แม้ฟังดูจะรู้สึกหดหู่เล็กๆ แต่นั่นก็ทำให้ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความจริง และต้องเริ่มจัดการกับความฝันด้วยการลงมือทำ
เสียงบีตส์เล็กๆจากนาฬิกาปลุกยังคงดังด้วยเสียงความถี่เท่าเดิมทุกวัน แม้วันก่อนฝุ่นจะเกาะหน้าปัดมันจนแทบจะมองไม่เห็นตัวเลขดิจิตอลที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ก็ตาม
น่ามหัศจรรย์ที่ตัวเลขดิจิตอลทั้งหมดได้ถูกแผงวงจรชิ้นเล็กๆด้านใน ควบคุมช่วงจังหวะการเดินไว้อย่างถูกต้องเที่ยงตรงเสมอ
ตัวเลขบนหน้าปัดดิจิตอลก็ยังคงเดินตามคำสั่งต่อไป จนกว่าพวกมันจะได้หยุดพักก็ในวันที่ถ่านไฟฉายข้างในเริ่มอ่อนกำลังลง
(3)
ไม่มีใครจะรู้จักเวลาได้ดีเท่ากับ "นาฬิกา"
นาฬิกาแขวนผนังเรือนเก่ายังคงกระซิบเบาๆผ่านเสียงฝีเท้าอันเชื่องช้าข้างหนึ่ง แม้วันนี้ฝุ่นจากหยากไย่จะเริ่มเกาะแน่นหนาขึ้น แต่มันยังคงรักษาจังหวะการเดินได้เป็นอย่างดี
หน้าปัดนาฬิกายังคงแอบซ่อนรอยเปื้อนของลิควิด ลายเส้นจากปากกาลบคำผิดเป็นสิ่งย้ำเตือนช่วงวันวัยที่เราต่างคนต่างมีความฝันที่พร้อมจะมุ่งหน้ากันต่อไป
ในวัยที่ทุกคนเป็นคนช่างฝัน ความฝันสามารถถูกจัดการได้อย่างง่ายดายด้วยการลงมือทำ โดยไม่จำเป็นต้องลังเลสงสัยว่าผลลัพธ์มันจะสำเร็จหรือล้มเหลวมากน้อยเพียงใด
แต่เมื่อก้าวเข้าสู่วัยดิจิตอล วัยที่ถูกกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบไว้ด้วยแผงวงจรชิ้นเดียวกัน โลกกว้างใหญ่ที่เคยเฝ้าฝัน+จินตนาการเอาไว้ในครั้นวัยเยาว์ กลับถูกบีบให้เล็กลงเหลือเพียงกรอบสี่เหลี่ยมที่มีผนังคอนกรีตกั้นล้อมรอบไว้สี่ด้าน
แต่ยังดีที่โลกดิจิตอลยังคงเหลือพื้นที่ และโอกาสให้กับ "เวลา" ที่เชื่องช้าอยู่บ้าง แม้มันจะน้อยนิดแต่มันก็สามารถสร้างคุณค่าได้อย่างมหาศาล แค่เราทำความรู้จักกับนาฬิกาเรือนเดิมให้มากขึ้น
ผมหันกลับไปมองรอยลิควิดที่เปื้อนอยู่บนหน้าปัดแล้วเริ่มสัมผัสได้ว่า ความฝันของทุกคนกำลังคงรอคอยวันที่จะลุกติดขึ้นใหม่มาอีกครั้ง
แม้นาฬิกาเรือนนี้จะเก่าและตั้งปลุกไม่ได้เหมือนนาฬิกาดิจิตอล
แต่อย่างน้อยเข็มวินาทีก็ได้ใช้กำลังการขยับขึ้นและลงด้วยท่วงท่าการเดินของตัวมันเอง
และมันกำลังส่งเสียงเบาๆปลุกผมให้ลุกขึ้นอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น