Beyond Creative, We do

FB:Theexplorerphotographer

test

วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

มนุษย์(ปลา)กระป๋อง

::: มนุษย์(ปลา)กระป๋อง :::







ปลาอะไรเอ่ยมีนมหกเต้า ?

คำถามกวนบาทาแบบนี้ไม่ว่าใครก็คงหาคำตอบได้ไม่ยาก
ว่าแล้วสมองอันปราดเปรื่องที่ผ่านการใช้ชีวิตมาเกินหลักสิบ
ก็ได้ครุ่นคิดพิจารณาอย่างเจนจัด
ปลากระป๋องแถบบ้านเรามันจะมีให้เลือกกินสักกี่ยี่ห้อ
หกเต้าในคำถามนี้คงไม่ได้หมายถึงปลาในกระป๋องเป็นแน่แท้
หากคำตอบนั้นนั้นโยงใยไปถึงสามสาวในชุดหลากสีนั่นต่างหาก

ทุกครั้งที่เปิดฝากระป๋องออกมา
ไม่แคล้วที่ต้องพบเจอคดีปริศนาที่ไร้เงื่อนงำ
แม้แต่โคนันยังต้องหลับตาปี๋
ของเหลวสีส้มแดงฉานสาดซัดกระจายอยู่เบื้องหน้า

ภายในพบสภาพร่างที่นอนเกลือกกลิ้งเกลื่อนกลาดอย่างไร้ทิศทาง
คดีปริศนาที่ถูกค้นพบถูกลดลำดับความสำคัญ
เมื่อมีดหั่นผักเริ่มซอยหอมหัวใหญ่ถี่ๆ
โรยผักชี บีบมะนาว พร้อมคลุกเคล้าแล้วโยนเข้าปากในทันใด

พูดถึงปลากระป๋องก็ย้อนให้ผมนึกไปถึงภาพเมื่อเช้าวันก่อน

ในเช้าวันที่แสงอาทิตย์ส่องลงมากระทบกับรางเหล็กสองแท่ง
ที่ตั้งอยู่ระหว่างชานชาลาสะท้อนออกมาให้เห็นเป็นทางเงารุ้งเจ็ดสี
สายลมพัดกระทบกับไรผมอ่อนๆพริ้วสะบัดไปตามทิศทางของแรงเฉื่อย

ว่าไปแล้วเช้าวันนี้ก็ไม่ต่างไปจากวันหยุดครั้งก่อน
ที่ฝ่าเท้าของผมได้บรรจงเหยียบลงไปบนกองทรายอุ่นๆ
พร้อมทั้งได้ยินเสียงคลื่นที่พัดพาสายลมเอื่อยๆเข้ามาสัมผัส
กับความเงียบได้นานเท่าที่มันควรจะเป็น

(2)

ไม่นานนักรถไฟที่ยืน-รอ-กัน-จน-เซ็งก็มาถึงยังสถานี
ประตูอัตโนมัติเปิดอ้าซ่ารอให้ร่างกายทั้งน้อยใหญ่
แทรกซึมผ่านประตูเข้าไปหาที่ยึดเหนี่ยว

แม้พื้นที่คืบเดียวจากหน้าประตูจะเหลือน้อยเพียงใด
คนเราก็ยังคงอาศัยกฏการเคลื่อนของนิวตันที่เคยเรียนมาตอนมัธยม
ยัดเยียดมวลกายของตนดันเข้าไป
แต่บางครั้งพวกเขาก็มักจะลืมกฏอีกข้อที่นิวตันเคยกล่าวไว้ว่า
เมื่อมีแรงกระทำย่อมมีแรงกระทำตอบกลับในทิศตรงข้ามเสมอ

การขึ้นรถไฟช่วงเวลาเร่งด่วนจึงต้องใช้ไหวพริบมากกว่ากำลัง
เพราะถ้าขืนยังใช้กำลังเกินความจำเป็น
คุณอาจจะถูกดันออกมาโดยไม่รู้ตัว
และยังจะไม่ได้ไปต่อยังสถานีถัดไปก็เป็นได้

ปลากระป๋องนอนหน้างอคอหัก
ไม่ได้ต่างไปจากสภาพแออัดของผู้คนที่เบียดเสียดกันอยู่ตรงหน้า

สภาพอิดโรยบนใบหน้าบ่งบอกสัญญาณเตือนว่า
หากดันถูกเนื้อต้องตัวฉันก็พร้อมจะเซถลาล้มลง
พร้อมส่งกระแสจิตไปรังควานแกในบัดดล
บางคนก็ได้แต่ก้มมองจอสี่เหลี่ยมเลื่อนขึ้นเลื่อนลงไป
ตามอำนาจการควบคุมของไขสันหลังจะสั่งการ
หลายคนเลือกที่จะหลับตาใส่หูฟังไม่รับรู้ความเป็นไปที่เกิดขึ้นตรงหน้า

ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีบทสนทนา
เมื่อผู้คนต่างคนต่างมาต่างพกความเร่งรีบไว้เต็มกระเป๋าไม่ต่างกัน

หน้าตาของผู้คนในเช้านี้จึงดูไม่มีชีวิตชีวา
ราวกับถูกใครบังคับให้ต้องรีบอัดกันเข้ามาในรถไฟขบวนนี้

สภาพผู้คนบนตู้แออัดในเช้าวันจันทร์ดูแล้ว
ไม่ต่างอะไรไปจากสภาพปลาซาร์ดีนที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่ในซอสมะเขือเทศเลย

(3)

ผมเพิ่งอ่านบทความ
"8 สัญญาณที่ทำให้รู้ว่าชีวิตการทำงานกำลังมาถูกทาง"
จากเว็บไซต์ INCquity
ในบทความกล่าวถึงบุคคลในช่วงอายุ 20-30 ปี
ซึ่งเป็นวัยที่กำลังค้นหาตัวเอง
ผู้คนในวัยนี้จะตั้งคำถามอยู่เสมอ
ว่างานที่ตนเองทำอยู่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการจริงหรือไม่
บางคนถึงกับแก้ปัญหาโดยการกลับไปเรียนต่อ
เพื่อหลีกหนีชีวิตมีแต่คำว่างานตั้งแต่เช้าจรดเย็น

เป็นเรื่องที่ดีที่การคิดตั้งคำถามนี้เกิดขึ้นได้เร็ว
ยิ่งใครค้นพบในสิ่งที่ตนเองรักได้เร็ว
ก็ยิ่งทำให้ชีวิตในทุกๆวันต่อไปจากนี้มีความหมายมากขึ้น

"เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตเราจะหมดไปกับงาน
วิธีเดียวที่จะทำให้เรามีความสุขกับการทำงานคือ
เมื่อเราทำงานที่ยอดเยี่ยม
และวิธีเดียวที่จะทำให้งานออกมายอดเยี่ยมคือ
เมื่อเรารักงานที่เราทำ
ถ้าน้องๆ ยังหางานนั้นไม่เจอจงหาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
งานก็เหมือนเรื่องของหัวใจเรื่องอื่นๆ คุณจะรู้ว่ามัน “ใช่” เมื่อเจอกับมัน"

คำกล่าวสุนทรพจน์ของ สตีฟ จอปส์
ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของผมตลอดเวลา
สิ่งที่จอปส์ฝากไว้ยังคงอ้างถึงความสำเร็จในสิ่งที่เขาลงมือทำได้เป็นอย่างดี

หากเราจะค้นพบคำตอบนั้น
ก็ต่อเมื่อเราได้หลงใหลกับสิ่งที่เราได้ลงมือทำ
เราจะตื่นขึ้นมาทุกเช้า
เพื่อต่อยอดสิ่งนั้นได้อย่างสุดกำลังและความสามารถ
เราจะสร้างสรรค์ความคิดนั้นให้เกิดประโยชน์กับผู้คนมากหน้าหลายตา
เราจะทุ่มเทแรงบันดาลใจประกอบความฝันนั้นให้กลายเป็นความจริง
ในทุกคืนก่อนเข้านอนเราจะมีเวลามากพอไว้กล่าวคำขอบคุณ
กับสิ่งที่ผ่านพ้นไปในวันนี้
เพื่อเตรียมพร้อมกับวันรุ่งขึ้นที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า
เราจะตื่นขึ้นทันทีโดยไม่ต้องตั้งปลุกแบบถี่ๆอีกต่อไป

นี่ไม่ใช่หรือชีวิตที่เราตามหา

อย่างน้อยตอนนี้แค่เขยิบร่างกายอันหงิกงออกมาจากกระป๋อง
ปลดปล่อยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ดังกึกก้องในโบกี้หัวใจอีกครั้ง
แล้วไปตามหา "ชีวิต" ที่เราต้องการกันเสียที




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

ล้านนาแค่ขยิบตา

ล้านนาแค่ขยิบตา
บันทึกการเดินทางจำนวนสิบสี่ตอนที่จะเปลี่ยนมุมมองทุกการเดินทางให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Ads

Most Popular