Beyond Creative, We do

FB:Theexplorerphotographer

test

วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ผลัดใบ

หากเปรียบชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งได้ดั่งต้นไม้ใหญ่ซักต้น เราจะเห็นความเหมือนและความแตกต่างของการดำรงชีวิตอยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมหนึ่งๆ  ต้นไม้เจริญงอกงามจากเมล็ด แตกใบอ่อนเพื่อออกกิ่งก้านสาขาชูลำต้นขึ้นสู่ผิวดิน เพื่อที่จะพยายามควานหาน้ำ อากาศ แร่ธาตุ พลังงานจากแสงอาทิตย์ เพื่อผลักดันการเจริญเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ด้วยตัวเอง  ไม่ต่างจากชีวิตของมนุษย์ที่เริ่มต้นจากเด็กน้อยคนหนึ่งที่ไร้ประสบการณ์ อ่อนต่อโลก เมื่อถึงวัยอันสมควร มนุษย์ก็จะต้องใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลาการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพื่อที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง และดำรงชีวิตให้อยู่รอดในสังคมได้

ต้นไม้ก็ไม่ต่างจากมนุษย์ที่จะต้องเผชิญทั้งอากาศที่ร้อนจัด ลมพายุที่รุนแรง เม็ดฝนที่โปรยปราย หรือกระทั่งความหนาวเหน็บในปลายปี แต่ไม่ว่าจะกี่ร้อน กี่ฝน หรือกี่หนาว ต้นไม้ก็ยังสามารถยืนหยัดรักษาตนเอง เพื่อให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆได้เสมอ  ความเลวร้ายจากสิ่งแวดล้อมที่ถาโถมเข้าหาก็ไม่แตกต่างกับการเผชิญหน้าต่อความทุกข์ของมนุษย์ที่ได้ประสบพบเจอ ความทุกข์ที่เข้ามาโดยรับเชิญบ้าง และไม่ได้รับเชิญบ้าง ทุกครั้งการพยายามคิดหาวิธีต่างๆที่จะกำจัด หรือวิ่งหนีความทุกข์ในทุกรูปแบบ ไม่สามารถสัมฤทธิ์ผล ก็เพราะว่าความคิดนั้นๆกำลังพยายามโลดแล่นอยู่บนความไม่สบายกายไม่สบายใจ   จนทำให้ไม่สามารถคลายความคิดออกจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้  หรืออาจจะกล่าวได้ว่า เรายังคงทุกข์ เพราะว่าเราไม่เคยคิดที่จะ   .....หยุด......หรือ.....ชะลอ......ความคิด.....



สังคมในปัจจุบันมีส่วนสำคัญที่ทำให้การใช้ชีวิตของมนุษย์สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าการเดินทางบนทางด่วน ! รถไฟความเร็วสูง ! เรือด่วน ! หรือแม้กระทั่งสิ่งที่เราต้องเจออยู่ทุกวัน อย่างเช่น อาหารจานด่วน! เงินด่วนทันใจ ! ข่าวด่วน !  สังคมส่วนใหญ่กำลังเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์นับล้านที่ถูกความเร่งด่วนหล่อหลอมเข้าไปในความคิดทุกๆวัน และทุกๆวัน

การดำรงชีวิตของคนในสังคมจึงเปลี่ยนไปอยู่บนพื้นฐานของความกระชับฉับไว คิดเร็ว ทำเร็ว การตัดสินใจที่รวดเร็ว เพราะว่าเรากำลังมองเห็นภาพความสำเร็จข้างหน้าที่กำลังจะมาถึงในระยะเวลาอันสั้น คนส่วนใหญ่ย่อมต้องการที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีเงินเก็บไว้ใช้ในยามแก่ชรา ผลลัพธ์มักจะต้องเกิดจากเหตุ หรือการกระทำเสมอ กล่าวคือ ยิ่งเราสามารถใช้เวลาในการลงมือทำอะไรหลายๆอย่างให้สำเร็จรวดเร็วเท่าไร ปริมาณผลลัพธ์ก็จะกลับมาสู่เรามากขึ้นเท่านั้น หรือไม่ก็ลองจินตนาการถึงผลลัพธ์เป็นจำนวนเงินมหาศาล การกระทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมามากๆ ยิ่งสั้นเท่าไหร่ก็ยิ่งดี จริงไหม ....

ต้นไม้ต้องการแร่ธาตุ น้ำ อากาศ พลังงานจากแสงอาทิตย์ เพื่อหล่อเลี้ยงตัวเองอยู่เสมอ หากต้นไม้เลือกที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อเร่งการเจริญเติบโตเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ได้ ต้นไม้คงจะต้องเริ่มคิดที่จะสร้างใบใหม่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากใบไม้ถือว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญในการสร้างอาหารให้แก่ต้นไม้โดยผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง   และลำเลียงไปยังส่วนต่างๆ  อีกทั้งต้นไม้ยังคงต้องคิดที่จะแก่งแย่งอาหารจากบริเวณข้างเคียงมาให้ได้อีกมากมาย  เพื่อที่จะสามารถเร่งการแตกหน่อออกใบได้เป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น เมื่อต้นไม้สามารถควบคุมตัวเองโดยการสร้างอาหารจำนวนมหาศาลเพื่อการเจริญเติบโตมากขึ้น คลอโรฟิลล์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งส่วนร่วมที่สำคัญในการสังเคราะห์แสงจะเิริ่มถูกใช้ให้หมดไป ไม่เพียงพอกับการสร้างขึ้นมาใหม่ทดแทนได้ทัน ท้ายที่สุดใบไม้ก็จะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง ส้ม แดง จนเป็นสีน้ำตาล และล่วงลงสู่พื้นดิน



ชีวิตในสังคมที่เร่งรีบก็ไม่ต่างกับนักวิ่งมาราธอนที่พยายามเร่งฝีเท้าตัวเองโดยมิได้คำนึงถึงระยะทางข้างหน้า  หากกำลังของฝีเท้าไม่ตกไปเสียก่อน เขาคงจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน แต่การวิ่งโดยไม่ลืมหูลืมตา ก็อาจจะส่งผลให้การทำงานของร่างกายที่ผิดแผกแปลกไป ร่างกายที่ถูกใช้งานอย่างหนัก เพื่อเส้นชัยที่อยู่อีกไกลโพ้นคือ สิ่งที่คนจำนวนมากกำลังยึดเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตอยู่ เรากำลังมองเห็นภาพนักวิ่งที่กำลังซอยเท้าอยู่ ยิ่งถี่มาก ยิ่งเร็ว ยิ่งเข้าสู่ความฝันเร็วเท่านั้น ถ้าเปรียบกับต้นไม้ ตอนนี้ใบไม้ของเราคงจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนๆ และเมื่อใดที่หมดแรงก็คงล้มหมดสติอยู่ท่ามกลางผู้ชมนับพัน

คงปฏิเสธไม่ได้ที่จะมีใครยอมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่เชื่องช้า คงไม่มีใครต้องการเป็นเต่าผู้แพ้กระต่าย ทุกๆคนต้องการความสำเร็จด้วยการทั้งสิ้น  แต่การเดินทางสู่ความสำเร็จก็ต้องอาศัยการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความสุข และความทุกข์บ้าง ในบางครั้งบางคราว เพราะคงไม่มีใครที่จะอิ่มเอมความสุขหากเขาไม่เคยรู้จักความทุกข์  และความทุกข์ก็เช่นกัน ความสุขให้เราเรียนรู้ว่าความทุกข์คือสิ่งที่เราไม่รู้ว่ามันจะเข้ามาเมื่อไร่ จะยอมรับความจริงที่เจอได้แค่ไหน ...

ปลายฤดุใบไม้ร่วงคงเป็นเวลาที่ความคิดของเราค่อยๆเริ่มจะเปลี่ยนสี และล่วงหล่นสู่ผิวดิน เวลานั้นคงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเตรียมการ "ผลัดใบ"   จุดมุ่งหมายในการผลัดใบครั้งนี้คงไม่ใช่ความต้องการเพียงแค่ความสำเร็จ ลาภ ยศ ทรัพย์สิน หรือเงินทอง  แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่เรากำลังพยายามถามตัวเองอยู่เสมอเวลาที่จมอยู่กับทุกข์ หรือหลายๆครั้งที่เราไม่ค่อยจะเรียกร้องหาความสุขในยามที่กำลังเร่งชีวิตตัวเองไปสู่ความสำเร็จ  ทั้งที่ความสุขใหม่ๆกำลังเกิดขึ้นรอบๆตัวเรา  ทุกกระบวนของความสำเร็จควรจะเกิดไปพร้อมกับความสุขในทุกๆระดับ  แค่เพียงเราผลัดความสุขใหม่ๆ ไปพร้อมกับการผลิดอก ออกผลอยู่ตามกิ่งก้านสาขา การผลัดเปลี่ยนใบใหม่ในครั้งนี้คงจะเต็มไปด้วยชีวิตชีวา และพร้อมที่จะเติบโตเพื่อเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แบ่งบันร่มเงาให้แก่ต้นไม้เด็กๆต้นอื่นได้เติบโตได้อย่างมีชีวิตชีวาเฉกเช่นต้นไม้ใหญ่อย่างเรา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

ล้านนาแค่ขยิบตา

ล้านนาแค่ขยิบตา
บันทึกการเดินทางจำนวนสิบสี่ตอนที่จะเปลี่ยนมุมมองทุกการเดินทางให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Ads

Most Popular