ใครจะเชื่อว่าความสุขสามารถเกิดขึ้นได้จากเม็ดแตงเม็ดเล็ก จำไว้นะพวกเด็กๆ จำไว้นะพวกเด็กๆ เม็ดแตงเล็กๆจะกลายเป็นความสุขผลใหญ่ๆ
สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า "ความสุข" น่าจะถูกทำเป็นภาพยนตร์เรื่องต่อจากหนังที่แสดงนำโดย มาริโอ เมาเร้อ ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ติดงอมแงมกันไปหลายเดือน พระเอกของหนังเรื่องใหม่นี้จะถูกเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มผู้ไร้ประสบการณ์ในการใช้ชีวิต ที่กำลังเจริญไว และก้าวเข้าสู่สังคมอันยิ่งใหญ่ ภาพเรื่องราว และฉากส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่บริเวณย่านธุรกิจที่สำคัญอย่าง สะพานข้ามแยกสาธรนราธิวาส สกายวอร์คจากรถไฟฟ้าจากสยามไปเซ็นทรัลเวิร์ล รวมทั้งห้างสรรพสินค้าทั้งหลายย่านปทุมวัน
สถานที่สามารถสื่อถึงการดำเนินเรื่องได้ดี ถ้าลองนึกถึงหนังไทยซักเรื่องหนึ่งอย่าง กวน มึน โฮ ภาพการดำเนินเรื่องคงจะถูกจัดฉากที่เต็มไปด้วย หิมะก้อนกลมโต เกาะนามิ มีรูปปั้นคู่รักจากวินเทอร์เลิฟซองยืนกอดกัน ร้านกาแฟคอฟฟี่ปริ๊น หรืออะไรก็ตามที่อยู่หนังซีรีย์เกาหลี
หรืออย่างภาพยนตร์เรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ ถ้าผู้กำกับเลือกฉากที่เป็นแอร์พอร์ดลิ๊งค์ หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน มันคงทำให้ผู้ชมแปลกใจน่าดู ไม่อย่างนั้นชื่อของภาพยนตร์เองที่ควรจะถูกเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการดำเนินเรื่องนั้นๆแทน
การดำเนินเรื่องของภาพยนตร์ สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าความสุข เกิดขึ้นท่ามกลางสังคมแห่งอารยธรรมแห่งค่านิยม และวัฒนธรรมที่แปรผันไปตามความต้องการของสังคมเมือง ลองนึกภาพเด็กหนุ่มผู้ไร้ซึ่งกิเลสราคะ กับการดำเนินเรื่องในสถานที่ย่านธุรกิจแห่งความวุ่นวาย อาจจะเห็นภาพลางๆของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตัวเองของเด็กหนุ่ม สรรพสิ่งรอบตัวที่ดูเหมือนจะกำลังบดขยี้ความเป็นตัวของตัวเอง ด้วยการครอบงำของ แฟชั่น เทคโนโลยี ความสะดวกสบาย หรือความฟุ้งเฟ้อ
เด็กหนุ่มยังคงเดินต่อไปบนทางเดินสกายวอร์ค ท่ามกลางเหล่าหนุ่มสาวล้ำสมัยที่เดินสวนไปมา ความคิดของเด็กหนุ่มเริ่มฉงน และสงสัยว่าตนเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เข้าพวกกับผู้คน ณ สถานที่นี้หรือไม่ หากคำตอบคือใช่ เด็กหนุ่มคงกระทำการที่ไม่แตกต่างไปจากเหล่าหนุ่มสาวล้ำสมัยพวกนั้น และอีกไม่นานเด็กหนุ่มอาจจะมีชีวิตที่คล้ายหรือเหมือนกับทุกคนบนสกายวอร์คไปหมด แต่ถ้าคำตอบคือไม่ เด็กหนุ่มคงต้องเดินผ่านผู้คนเหล่านี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงปลายทางที่แสนไกล
ความสุขขนาดใหญ่คงไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายจากข้างทาง ทางเดียวที่เด็กหนุ่มจะสามารถสะสมพลังนี้ให้เต็มกระป๋องเหมือนถัง E ของร็อคแมนได้ ก็คือการย่อความคาดหวังให้เล็กลง ถ้าใครเคยเล่นเกมส์ร็อคแมนคงจะเคยเห็นว่า ร็อคแมนจะต้องยิงเบี้ยร่ายข้างทางเพื่อเก็บพลังงาน บางพลังงานมีขนาดใหญ่ และบางพลังงานมีขนาดเล็กจิ๋ว ผู้เล่นไม่เคยกระโดดหลบหรือสไลด์หนี เพื่อให้ร็อคแมนสะสมพลังงานเหล่านั้นไปใช้ในสถานการณ์ข้างหน้า ที่ไม่รู้ว่าจะเจอหัวหน้าด่านที่หินแค่ไหน
การคาดหวังที่น้อยลงในเรื่องราวต่างๆในชีวิต อาจจะทำให้ค่อยๆมองเห็นสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าความสุขได้อย่างชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องใช้แว่นขยาย
ความสุขมีเหลือเฟือเพียงพอให้มนุษย์ทั้งโลกสามารถเก็บเกี่ยวใช้ได้ตลอดชีวิต แต่สถานการณ์ของโลกในปัจจุบันกำลังบีบคั้นให้คนเราต้องเดินไปในทางที่คล้ายๆกัน คือ อยากรวยเหมือนกันหมด หรืออยากมีหน้ามีตามีชื่อเสียงในสังคม เพื่อที่จะได้ต่อยอดของความสุขที่ได้นั้นจากเงินและการมีชื่อเสียงนั้น หากจะลองมองกลับมาเพื่อค้นพบพลังงานลี้ลับที่มีเพียงพอสำหรับทุกคน และสามารถบริโภคได้ตลอดทั้งชีวิต พลังงานความสุขต่างหากที่มีพอสำหรับทุกคน วัตถุเป็นสิ่งที่ไม่เคยเพียงพอให้สำหรับทุกคนในระบบ เปรียบเสมือนการเดิมพันทางธุรกิจอย่าง ZERO-SUM Game เกมส์การแข่งขันในโลกธุรกิจที่จะต้องมีผู้แพ้ ผู้ชนะ เงินและผลประโชน์ที่ถูกโอนถ่ายจากผู้แพ้สู่ผู้ชนะจนเหลือแค่ตัวผู้เล่นหลักเพียงคนเดียว
ความสุขเป็นเหมือนพลังงานที่นำกลับมาใช้แล้ว ใช้อีก ใช้ซ้ำซักกี่รอบก็ไม่มีใครว่า ความสุขไม่มีการถ่ายโอนจากผู้ได้ประโยชน์ หรือผู้เสียประโยชน์ ความสุขเป็นพลังงานที่ไม่มีวันมอดดับลง แม้ผู้คนในโลกจะเพิ่มมากขึ้นเท่าใด ผลผลิตความสุขก็จะทวีคูณมากขึ้นตามเท่านั้น อีกทั้งความสุขยังสามารถแบ่งปันได้ง่าย ไม่เคยมีใครจะกอดความสุขตัวเองไว้เพียงคนเดียว เพราะเราเชื่อว่าความสุขที่แท้จริงจะถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จากครอบครัวสู่ญาติพี่น้อง จากลูกสู่หลาน จากเพื่อนสู่เพื่อน โดยไม่ต้องใช้เงินแม้แต่แดงเดียว
ดังจะเห็นได้จากรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งซึ่งผมเห็นว่าช่วงนี้มีรายการโทรทัศน์ที่มีสาระดีๆมากขึ้น แนวความคิดในการหาความสุขต่างๆถูกขุดคุ้ยขึ้นมาพูดคุยถกเถียงในรายการ พิธีกรและผู้ให้สัมภาษณ์บางคนตอบได้อย่างฉะฉาน มีความเป็นกลางในการให้ข้อมูล ถ้าเทียบกับเมื่อหลายปีก่อน สื่อโทรทัศน์มักจะนำำเอาโลกของผลประโยชน์ออกมานำเสนอ เพื่อกลบเกลื่อนสาระดีๆเหล่านี้ไปหมด ค่านิยมของช่วงนั้นคงหนีไม่พ้นการให้คนในสังคมมองเห็นภาพความเจริญทางวัตถุมากกว่าความเจริญทางด้านจิตใจ
สมัยเรียนอนุบาลมีบทเพลงหนึ่งที่คุณครูมักจะสอนให้เราร้องเพื่อร่วมกิจกรรมในชั้นเรียนกับเพื่อนๆ หากใครยังจำได้ถึงข้อความสั้นๆ และเรื่องราวการเดินทางของเม็ดแตงโม ตอนเด็กเราเคยสงสัยไหมว่าเจ้าเม็ดดำๆที่อยู่ในเนื้อสีแดงฉานของแตงโมนี่ มันเติบโตเป็นแตงโมลูกใหญ่โตได้อย่างไร เม็ดแตงโมเล็กๆขนาดไม่เท่าเล็บนิ้วก้อย ต้องผ่านกระบวนการอะไรอย่างมากมายบ้าง เพื่อที่จะเติบโตเป็นแตงโมที่หวานฉ่ำให้ได้รับประทานกับในช่วงหน้าร้อนอันแสนหอมหวาน
เม็ดแตงโมก็ไม่ต่างจากเมล็ดพืชอื่นๆ ที่จะต้องการสร้างอาหารในการเจริญเติบโต แต่เม็ดแตงโมอาจจะมีขนาดเล็กกว่าเมล็ดอย่าง เมล็ดทุเรียน เมล็ดลำไย เมล็ดลิ้นจี่ เมล็ดพุทรา การสะสมพลังงานในการสร้างอาหารของเม็ดแตงโมในระยะเริ่มแรกคงไม่สามารถเร่งการกอบโกยพลังงานเมื่อเทียบกับสัดส่วน หรือขนาดของเมล็ด เพราะนั่นอาจจะเป็นการเร่งการเจริญเติบโตที่ผิดแปลกก็ได้ เมล็ดพืชที่ใหญ่กว่าควรได้รับพลังงานที่เหมาะสม เช่นกัน
เม็ดแตงโมไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกอบโกยในสิ่งที่มันมีเหลือเฟือ ความสุขก็เช่นกัน หากเราตื่นรู้ และรู้ตัวเสมอว่า ณ เวลาหนึ่งว่าความสุขใดๆที่เหมาะสมควรจะมีขนาดเท่าไหร่ ความสุขสามารถทำให้พอดีได้โดยปรับเปลี่ยนความคาดหวังของตัวเรา บางครั้งการเริ่มขึ้นไม่จำเป็นต้องกั๊กสิ่งที่เกินความจำเป็น เพราะไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าเราไม่สามารถใช้ความสุขที่มากเกินความจำเป็นโดยไม่แบ่งปันให้กับคนรอบข้าง
การย่อตัวลงเพื่อเก็บความสุขเล็กๆน้อยๆที่หล่นอยู่ข้างทาง จะเป็นการยอมลด "อัตตา" หรือ อีโก้ (EGO) ให้เบาบางลงบ้าง การยึดมั่นถือมั่นในตัวเองจนเกินควร มักจะทำให้เกิดกำแพงใจต่อต้านความสวยงามของสรรพสิ่ง รวมทั้งพลังงานความสุขที่ดำรงอยู่รอบๆตัว ยิ่งเรากำตัวตนแน่นมากขึ้นเท่าไหร่ ผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากกำแพงใจที่เราได้ไปก่อมันไว้ และเสริมด้วยการฉาบปูนทับปิดสนิท ปิดกั้นความจริงบนโลกใบนี้อีกหลายล้านเรื่องราวจากหลายล้านผู้คน ลองจินตนาการภาพความสุขขนาดเล็กที่พูดมาตั้งแต่ตั้งต้นจะผ่านกำแพงฉาบปูนได้อย่างไร และความทุกข์ที่ถูกปิดตายอยู่หลังกำแพงจะไม่ถูกปลดปล่อยออกมาจากทางไหน
ไม่ว่าตอนนี้กำแพงใจของพวกเราจะถูกก่อเสริมด้วยค่านิยมทางด้านวัตถุมากเท่าไหร่ จงมองหาอิฐก้อนที่แปลกประหลาดกว่าก้อนอื่น เพราะนั่นกำลังบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของพลังงานเล็กๆที่ถูกสั่งสมขึ้น จากการมองให้เห็นแก่นแท้ของต้นกำเนิดแห่งความสุข ความสุขเล็กๆจะค่อยๆคลายความแข็งแรงของกำแพงหนา และซึมซับตามรอยต่อของช่องอิฐ เมื่อถึงตอนนั้นภาพยนตร์เรื่อง ....สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าความสุข... จะดำเนินเรื่องถึงตอนจุดไคลแม็กซ์ และภาพยนตร์เรื่องนี้จะดำเนินไปอย่างนั้นอย่างไม่มีวันจบ
บทเพลงกิจกรรมเข้าจังหวะสมัยอนุบาลยังคงเตือนใจพวกเราอยู่เสมอ หากเราใช้ใจฟัง และเข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้ง
"แตงโมผลใหญ่ ๆ เกิดขึ้นได้จากเม็ดแตงเม็ดเล็ก จำไว้นะพวกเด็ก ๆ จำไว้พวกเด็ก ๆ เม็ดแตง เม็ดเล็กกลายเป็นแตงผลใหญ่"
สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า "ความสุข" น่าจะถูกทำเป็นภาพยนตร์เรื่องต่อจากหนังที่แสดงนำโดย มาริโอ เมาเร้อ ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ติดงอมแงมกันไปหลายเดือน พระเอกของหนังเรื่องใหม่นี้จะถูกเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มผู้ไร้ประสบการณ์ในการใช้ชีวิต ที่กำลังเจริญไว และก้าวเข้าสู่สังคมอันยิ่งใหญ่ ภาพเรื่องราว และฉากส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่บริเวณย่านธุรกิจที่สำคัญอย่าง สะพานข้ามแยกสาธรนราธิวาส สกายวอร์คจากรถไฟฟ้าจากสยามไปเซ็นทรัลเวิร์ล รวมทั้งห้างสรรพสินค้าทั้งหลายย่านปทุมวัน
สถานที่สามารถสื่อถึงการดำเนินเรื่องได้ดี ถ้าลองนึกถึงหนังไทยซักเรื่องหนึ่งอย่าง กวน มึน โฮ ภาพการดำเนินเรื่องคงจะถูกจัดฉากที่เต็มไปด้วย หิมะก้อนกลมโต เกาะนามิ มีรูปปั้นคู่รักจากวินเทอร์เลิฟซองยืนกอดกัน ร้านกาแฟคอฟฟี่ปริ๊น หรืออะไรก็ตามที่อยู่หนังซีรีย์เกาหลี
หรืออย่างภาพยนตร์เรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ ถ้าผู้กำกับเลือกฉากที่เป็นแอร์พอร์ดลิ๊งค์ หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน มันคงทำให้ผู้ชมแปลกใจน่าดู ไม่อย่างนั้นชื่อของภาพยนตร์เองที่ควรจะถูกเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการดำเนินเรื่องนั้นๆแทน
การดำเนินเรื่องของภาพยนตร์ สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าความสุข เกิดขึ้นท่ามกลางสังคมแห่งอารยธรรมแห่งค่านิยม และวัฒนธรรมที่แปรผันไปตามความต้องการของสังคมเมือง ลองนึกภาพเด็กหนุ่มผู้ไร้ซึ่งกิเลสราคะ กับการดำเนินเรื่องในสถานที่ย่านธุรกิจแห่งความวุ่นวาย อาจจะเห็นภาพลางๆของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตัวเองของเด็กหนุ่ม สรรพสิ่งรอบตัวที่ดูเหมือนจะกำลังบดขยี้ความเป็นตัวของตัวเอง ด้วยการครอบงำของ แฟชั่น เทคโนโลยี ความสะดวกสบาย หรือความฟุ้งเฟ้อ
เด็กหนุ่มยังคงเดินต่อไปบนทางเดินสกายวอร์ค ท่ามกลางเหล่าหนุ่มสาวล้ำสมัยที่เดินสวนไปมา ความคิดของเด็กหนุ่มเริ่มฉงน และสงสัยว่าตนเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เข้าพวกกับผู้คน ณ สถานที่นี้หรือไม่ หากคำตอบคือใช่ เด็กหนุ่มคงกระทำการที่ไม่แตกต่างไปจากเหล่าหนุ่มสาวล้ำสมัยพวกนั้น และอีกไม่นานเด็กหนุ่มอาจจะมีชีวิตที่คล้ายหรือเหมือนกับทุกคนบนสกายวอร์คไปหมด แต่ถ้าคำตอบคือไม่ เด็กหนุ่มคงต้องเดินผ่านผู้คนเหล่านี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงปลายทางที่แสนไกล
ความสุขขนาดใหญ่คงไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายจากข้างทาง ทางเดียวที่เด็กหนุ่มจะสามารถสะสมพลังนี้ให้เต็มกระป๋องเหมือนถัง E ของร็อคแมนได้ ก็คือการย่อความคาดหวังให้เล็กลง ถ้าใครเคยเล่นเกมส์ร็อคแมนคงจะเคยเห็นว่า ร็อคแมนจะต้องยิงเบี้ยร่ายข้างทางเพื่อเก็บพลังงาน บางพลังงานมีขนาดใหญ่ และบางพลังงานมีขนาดเล็กจิ๋ว ผู้เล่นไม่เคยกระโดดหลบหรือสไลด์หนี เพื่อให้ร็อคแมนสะสมพลังงานเหล่านั้นไปใช้ในสถานการณ์ข้างหน้า ที่ไม่รู้ว่าจะเจอหัวหน้าด่านที่หินแค่ไหน
การคาดหวังที่น้อยลงในเรื่องราวต่างๆในชีวิต อาจจะทำให้ค่อยๆมองเห็นสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าความสุขได้อย่างชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องใช้แว่นขยาย
ความสุขมีเหลือเฟือเพียงพอให้มนุษย์ทั้งโลกสามารถเก็บเกี่ยวใช้ได้ตลอดชีวิต แต่สถานการณ์ของโลกในปัจจุบันกำลังบีบคั้นให้คนเราต้องเดินไปในทางที่คล้ายๆกัน คือ อยากรวยเหมือนกันหมด หรืออยากมีหน้ามีตามีชื่อเสียงในสังคม เพื่อที่จะได้ต่อยอดของความสุขที่ได้นั้นจากเงินและการมีชื่อเสียงนั้น หากจะลองมองกลับมาเพื่อค้นพบพลังงานลี้ลับที่มีเพียงพอสำหรับทุกคน และสามารถบริโภคได้ตลอดทั้งชีวิต พลังงานความสุขต่างหากที่มีพอสำหรับทุกคน วัตถุเป็นสิ่งที่ไม่เคยเพียงพอให้สำหรับทุกคนในระบบ เปรียบเสมือนการเดิมพันทางธุรกิจอย่าง ZERO-SUM Game เกมส์การแข่งขันในโลกธุรกิจที่จะต้องมีผู้แพ้ ผู้ชนะ เงินและผลประโชน์ที่ถูกโอนถ่ายจากผู้แพ้สู่ผู้ชนะจนเหลือแค่ตัวผู้เล่นหลักเพียงคนเดียว
ความสุขเป็นเหมือนพลังงานที่นำกลับมาใช้แล้ว ใช้อีก ใช้ซ้ำซักกี่รอบก็ไม่มีใครว่า ความสุขไม่มีการถ่ายโอนจากผู้ได้ประโยชน์ หรือผู้เสียประโยชน์ ความสุขเป็นพลังงานที่ไม่มีวันมอดดับลง แม้ผู้คนในโลกจะเพิ่มมากขึ้นเท่าใด ผลผลิตความสุขก็จะทวีคูณมากขึ้นตามเท่านั้น อีกทั้งความสุขยังสามารถแบ่งปันได้ง่าย ไม่เคยมีใครจะกอดความสุขตัวเองไว้เพียงคนเดียว เพราะเราเชื่อว่าความสุขที่แท้จริงจะถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จากครอบครัวสู่ญาติพี่น้อง จากลูกสู่หลาน จากเพื่อนสู่เพื่อน โดยไม่ต้องใช้เงินแม้แต่แดงเดียว
ดังจะเห็นได้จากรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งซึ่งผมเห็นว่าช่วงนี้มีรายการโทรทัศน์ที่มีสาระดีๆมากขึ้น แนวความคิดในการหาความสุขต่างๆถูกขุดคุ้ยขึ้นมาพูดคุยถกเถียงในรายการ พิธีกรและผู้ให้สัมภาษณ์บางคนตอบได้อย่างฉะฉาน มีความเป็นกลางในการให้ข้อมูล ถ้าเทียบกับเมื่อหลายปีก่อน สื่อโทรทัศน์มักจะนำำเอาโลกของผลประโยชน์ออกมานำเสนอ เพื่อกลบเกลื่อนสาระดีๆเหล่านี้ไปหมด ค่านิยมของช่วงนั้นคงหนีไม่พ้นการให้คนในสังคมมองเห็นภาพความเจริญทางวัตถุมากกว่าความเจริญทางด้านจิตใจ
สมัยเรียนอนุบาลมีบทเพลงหนึ่งที่คุณครูมักจะสอนให้เราร้องเพื่อร่วมกิจกรรมในชั้นเรียนกับเพื่อนๆ หากใครยังจำได้ถึงข้อความสั้นๆ และเรื่องราวการเดินทางของเม็ดแตงโม ตอนเด็กเราเคยสงสัยไหมว่าเจ้าเม็ดดำๆที่อยู่ในเนื้อสีแดงฉานของแตงโมนี่ มันเติบโตเป็นแตงโมลูกใหญ่โตได้อย่างไร เม็ดแตงโมเล็กๆขนาดไม่เท่าเล็บนิ้วก้อย ต้องผ่านกระบวนการอะไรอย่างมากมายบ้าง เพื่อที่จะเติบโตเป็นแตงโมที่หวานฉ่ำให้ได้รับประทานกับในช่วงหน้าร้อนอันแสนหอมหวาน
เม็ดแตงโมก็ไม่ต่างจากเมล็ดพืชอื่นๆ ที่จะต้องการสร้างอาหารในการเจริญเติบโต แต่เม็ดแตงโมอาจจะมีขนาดเล็กกว่าเมล็ดอย่าง เมล็ดทุเรียน เมล็ดลำไย เมล็ดลิ้นจี่ เมล็ดพุทรา การสะสมพลังงานในการสร้างอาหารของเม็ดแตงโมในระยะเริ่มแรกคงไม่สามารถเร่งการกอบโกยพลังงานเมื่อเทียบกับสัดส่วน หรือขนาดของเมล็ด เพราะนั่นอาจจะเป็นการเร่งการเจริญเติบโตที่ผิดแปลกก็ได้ เมล็ดพืชที่ใหญ่กว่าควรได้รับพลังงานที่เหมาะสม เช่นกัน
เม็ดแตงโมไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกอบโกยในสิ่งที่มันมีเหลือเฟือ ความสุขก็เช่นกัน หากเราตื่นรู้ และรู้ตัวเสมอว่า ณ เวลาหนึ่งว่าความสุขใดๆที่เหมาะสมควรจะมีขนาดเท่าไหร่ ความสุขสามารถทำให้พอดีได้โดยปรับเปลี่ยนความคาดหวังของตัวเรา บางครั้งการเริ่มขึ้นไม่จำเป็นต้องกั๊กสิ่งที่เกินความจำเป็น เพราะไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าเราไม่สามารถใช้ความสุขที่มากเกินความจำเป็นโดยไม่แบ่งปันให้กับคนรอบข้าง
การย่อตัวลงเพื่อเก็บความสุขเล็กๆน้อยๆที่หล่นอยู่ข้างทาง จะเป็นการยอมลด "อัตตา" หรือ อีโก้ (EGO) ให้เบาบางลงบ้าง การยึดมั่นถือมั่นในตัวเองจนเกินควร มักจะทำให้เกิดกำแพงใจต่อต้านความสวยงามของสรรพสิ่ง รวมทั้งพลังงานความสุขที่ดำรงอยู่รอบๆตัว ยิ่งเรากำตัวตนแน่นมากขึ้นเท่าไหร่ ผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากกำแพงใจที่เราได้ไปก่อมันไว้ และเสริมด้วยการฉาบปูนทับปิดสนิท ปิดกั้นความจริงบนโลกใบนี้อีกหลายล้านเรื่องราวจากหลายล้านผู้คน ลองจินตนาการภาพความสุขขนาดเล็กที่พูดมาตั้งแต่ตั้งต้นจะผ่านกำแพงฉาบปูนได้อย่างไร และความทุกข์ที่ถูกปิดตายอยู่หลังกำแพงจะไม่ถูกปลดปล่อยออกมาจากทางไหน
ไม่ว่าตอนนี้กำแพงใจของพวกเราจะถูกก่อเสริมด้วยค่านิยมทางด้านวัตถุมากเท่าไหร่ จงมองหาอิฐก้อนที่แปลกประหลาดกว่าก้อนอื่น เพราะนั่นกำลังบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของพลังงานเล็กๆที่ถูกสั่งสมขึ้น จากการมองให้เห็นแก่นแท้ของต้นกำเนิดแห่งความสุข ความสุขเล็กๆจะค่อยๆคลายความแข็งแรงของกำแพงหนา และซึมซับตามรอยต่อของช่องอิฐ เมื่อถึงตอนนั้นภาพยนตร์เรื่อง ....สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าความสุข... จะดำเนินเรื่องถึงตอนจุดไคลแม็กซ์ และภาพยนตร์เรื่องนี้จะดำเนินไปอย่างนั้นอย่างไม่มีวันจบ
บทเพลงกิจกรรมเข้าจังหวะสมัยอนุบาลยังคงเตือนใจพวกเราอยู่เสมอ หากเราใช้ใจฟัง และเข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้ง
"แตงโมผลใหญ่ ๆ เกิดขึ้นได้จากเม็ดแตงเม็ดเล็ก จำไว้นะพวกเด็ก ๆ จำไว้พวกเด็ก ๆ เม็ดแตง เม็ดเล็กกลายเป็นแตงผลใหญ่"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น