อุปสรรคก่อให้รักบังเกิด
"ผมไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือโชคชะตา
แต่ถ้าวันหนึ่งผมจะได้พบกับเธอโดยบังเอิญ
ผมจะเชื่อเพียงสิ่งเดียวที่ผมศรัทธามาตลอด
ฉันดีใจที่มีเธอ - ความรัก "
สิ้นสุดคำโปรยนำก่อนปูทางเข้าสู่รูปภาพสไลด์ทั้งหลายที่โผล่ขึ้นตอบรับกับสายตาทั้งสองข้างหน้าคอมพ์ ผลงานวีดีโอพรีเซนเตชั่นที่ผมเพิ่งทำเสร็จชิ้นนี้ได้เรียกความปลื้มปรีติยินดีให้กับพี่สาวนอกสายเลือกของผมคนหนึ่ง
แม้ผมจะไม่ได้เคยร่วมเรียงเคียงหมอน หรือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคู่ของพี่ทั้งสองคนนี้ แต่บางสิ่งกลับทำให้วีดีโอชุดนี้ถูกกลั้วกลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจดวงน้อยๆ ก้นบึ้งที่พยายามทักทอเรื่องราวที่เคยรับรู้และได้ยินมา ประกอบกับสามวันที่ผ่านมาผมเพิ่งได้ไปไถ่ถามจุดเริ่มต้นกับพี่สาวเจ้าของเนื้อเรื่องเองก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ
ผมผ่านการเป็นโปรดิวเซอร์มือสมัครเล่นวีดีโองานแต่งแบบนี้มาได้เกือบ 4 ชุดใหญ่ๆ (ตัดต่อเล่นๆก็เกือบจะ 10 ชุด) อารมณ์และบรรยากาศมันมักจะเริ่มต้นกับคำถามที่ว่า "ทั้งคู่เจอกันได้อย่างไร" "ทั้งคู่เจอกันที่ไหน" และ "ทั้งคู่สานต่อเรื่องราวหลังจากนั้นอย่างไร"
บุญวาสนา กรรมลิขิต คู่กรรม หรือความบังเอิญใดๆ จนถึงบัดนี้ยังไม่มีใครสามารถหาคำตอบให้กับคำถามข้างต้นได้ ฤาบางทีคำตอบของมันอาจจะหมายถึงการนำทุกๆเหตุผลมายำรวมกันในทุ่งข้าวสาลี แล้วระเบิดตุ้ม !!
ออกมาเป็นคำนิยามง่ายๆสั้นๆว่า "ความรัก"
การเดินทางของทุกๆความรักที่ผ่านโปรแกรมตัดต่อในจอคอมพิวเตอร์ผม ล้วนแต่มีอุปสรรคที่เหมือนกันทั้งสิ้น อุปสรรคที่ถูกจำกัดด้วย ระยะทาง + เวลา
หากระยะทางพิสูจน์ได้ถึง "ความล้า" กาลเวลาคงพิสูจน์ได้ถึง "ความอดทน"
เราคงไม่ได้เกิดมาอยู่บ้านข้างกันแล้วแต่งงานกัน
เราคงไม่ได้แต่งงานกันตั้งแต่เริ่มตั้งไข่ออกเดินได้
แต่ทุกๆอุปสรรคทั้งหลายกลับหลอมรวมกันจนเกิดเป็นภาพของพวกเขาทั้งหลายที่ทั้งยืนยัน นอนยัน และนั่งยันว่าหลังจากนี้ไป พวกเขาทั้งหลายๆคู่จะดูแลกันไปตลอด ถึงแม้วีดีโอจะจบลงเพียงในเวลา 5 นาที แต่ความรักที่มีให้กันพร้อมจะแบ่งปันกันไปอีกนานเท่านาน
กลับมาดูนั่งวีดีโอพรีเซนเตชั่นชุดเดิมที่ผมเพิ่งเพิ่มประโยคคำโปรยข้างต้นลงไป ก็รู้สึกว่ายังขาดอะไรไปบางอย่าง
รูปภาพ คำพูด เนื้อเพลง คำโปรย คำลงท้าย .. ดูแล้วก็เหมือนจะครบถ้วนองค์ประกอบที่ผมเคยใส่ไว้ในงานชุดเก่าๆ
แต่หากนั่นคือเหตุผลที่ผมทำให้วีดีโอพรีเซนเตชั่นน่าสนใจ แต่กลับลืมใส่เครื่องปรุงชิ้นสำคัญอย่าง "ความรู้สึก" ลงไป
บางทีผมคงต้องไปขอ "ความรู้สึก" ของพี่สาวนอกสายเลือดคนนี้ มาใส่ในชิ้นงานนี้ให้ดูน่าสนใจ+ประทับใจเจ้าของงานมากขึ้นแล้วล่ะ
และหวังว่าถ้ามีงานหน้าอีก ผมอยากจะใส่ความรู้สึกของตัวเองลงไปในงานบ้าง ก็คงดีนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น