Beyond Creative, We do

FB:Theexplorerphotographer

test

วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

จุดไฟ,ความฝัน


จุดไฟ,ความฝัน

ณ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ

"หากแกไม่ซื้อหนังสือเล่มนี้ วันนี้ ที่บูทนี้ แกอาจจะพลาดสิ่งที่แกต้องการไปตลอดเลยก็ได้นะ"

ถ้อยคำประโยคสั้นๆที่ถูกกล่าวออกไปเชียร์ให้เพื่อนผมที่กำลังลังเลสงสัยจำนวนแบงค์ในกระเป๋าสตางค์กับหนังสือที่สนใจอยู่

"แกไม่รู้หรอกว่าหนังสือเล่มไหนจะเหมาะกับเราที่สุด หากวันนั้นหนังสือเล่มนี้หมดไปจากชั้นวางแล้วแกจะไปหามันได้ที่ไหน ถ้าไม่ใช่วันนี้"

ผมพยายามกล่าวถ้อยคำปลุกใจนี้อีกครั้งเพื่อให้เพื่อนที่เริ่มฉงนงงงวยคนนี้เดินเข้าไปหยิบหนังสือแปลเล่มหนึ่ง ทั้งที่ผมก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเจ้าของร้านเลยซักนิดเดียว

หนังสือเล่มนี้เป็นนิทานอาหรับที่ถูกแปลโดยอาจารย์ท่านหนึ่ง ผู้คุมที่บูทยังกล่าวซ้ำย้ำให้แน่ใจอีกครั้งว่านี้เป็นหนังสือที่แปลสำเร็จมาแล้ว 4 เล่ม ยังขาดอีก 6 เล่มที่ยังไม่รู้ว่าอาจารย์จะแปลมันออกมาให้หมดหรือจะล้มเลิกไปกลางคัน เพราะภาษาอังกฤษโบราณจากต้นฉบับจริงนั้นชวนให้ปวดเศียรเวียนเฮดกันไปยกใหญ่เลยทีเดียว

"หากวันนั้นอาจารย์เลิกแปลไป แล้วหนังสือเล่มนี้หมดไปจากตลาด แกอาจจะไม่มีวันได้เจอกับตัวอักษรที่โลดแล่นอยู่ในหน้ากระดาษที่ตั้งอยู่ข้างหน้านี้ตลอดไป"

ผมกระซิบเบาๆพร้อมกับเอี้ยวตัวหันหลังเดินออกมาห่างๆ เพื่อให้เจ้าตัวเริ่มตัดสินใจด้วยตัวเอง




(2)

ผมเอี้ยวตัวออกมาห่างขึ้นจากบูทเดิม ซักพักก็ไปสะดุดตากับบูทที่มีตักษรสีดำ 4 ตัวที่อยู่เยื้องฝั่งตรงข้าม ภาพพี่ชายไว้หนวดใส่แว่น (วันนี้ใส่หมวก) ที่ผมเคยรู้จักกำลังนั่งยิ้มแก้มปริแจกลายเซ็นต์อย่างขมีขมัน

เห็นหน้าพี่โหน่งแล้วก็อดนึกถึงคำพูดหนึ่งที่มักจะถูกพูดติดปากอยู่เสมอ

"วิธีจัดการกับความฝัน คือลงมือทำมันให้เป็นจริง"

ผมเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่ามันคือวิธีการจัดการความฝันที่แยบยลที่สุด แต่ทุกครั้งที่เริ่มจัดการกับความฝันก็มักจะมีศัตรูตัวฉกาจอย่างความกลัวเข้ามากดความฝันเอาไว้ไม่ให้ไปต่อ

กลัวจะล้มเหลว กลัวผลลัพธ์จะไม่เป็นอย่างที่คิด กลัวบางคำพูดจะทำลายมิตรภาพที่ดีงามไป กลัวจะเสียเธอไป (เริ่มดรามา)

ความกลัวเริ่มขยายเข้าเส้นเลือดขึ้นไปยังบริเวณสมอง เส้นประสาทเริ่มสั่งการให้หยุดความฝันของตัวเองลง นี่แหละครับจุดจบที่มักจะเกิดขึ้นกับความฝันของผมในครั้งก่อนๆ

บางทีผมอาจจะตีความความหมายของพี่โหน่งไม่ชัดเจนเพียงพอ ผมจึงขอโอกาสกลับไปทำความรู้จักกับพี่โหน่งอีกครั้งในคลิปวีดีโอชุดเดิม

"ชัดเจนกับสิ่งที่ทำ เข้มข้นกับความมุ่งหวัง รักและเชื่อในความฝันให้มากๆ"

ประโยคหนึ่งที่ถูกซ่อนเล้นอยู่ในคลิป

หน้าพี่โหน่งดูขึงขังจริงจังกว่าตัวจริงที่พบเจอวันนี้ ราวกับพลังงานบางอย่างถูกส่งออกมาให้ผมรับรู้คำตอบสำหรับย่อหน้าที่ผ่านมา

บางทีความกลัวเหล่านั้นอาจจะเกิดขึ้นจากความไม่ชัดเจน ความมุ่งหวังที่ยังไม่เข้มข้นพอ ความเชื่อที่กำลังเลือนลาง แต่ต่อจากนี้ผมคงต้องเร่งไฟเคี่ยวให้ความฝันนี้คุกรุ่นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

(3)

เพียงเสี้ยวนาทีที่ลับตาจากบูทที่มีตัวอักษรขาวดำแค่ 4 ตัว เพื่อนคนเดิมก็เดินมาสะกิดหลังผม พร้อมทั้งชูหนังสืออีก 3 เล่มที่มีเนื้อเรื่องมันต่อกัน นิทานอาหรับยกชุดกำลังจะกลับไปนอนแอ้งแม้งที่บ้านของเพื่อนผม

"ฉันขอบใจมากที่แกช่วยฉันตัดสินใจ เพราะนี่เป็น 4 เล่มสุดท้ายของบูทนี้ และไม่รู้ว่าเขาจะเอามาลงอีกเมื่อไหร่ แล้วเรื่องของแกละทำไมไม่เริ่มจัดการซักที"

เพื่อนผมเริ่มเหน็บแนมกับเรื่องราวทีผมพร่ำบ่นกับ(มัน)เสมอ

ผมพยักหน้าสั้นๆ และตอบกลับไปเบาๆว่า "พี่โหน่งให้คำตอบมาแล้ว เดี๋ยวจะไปรีบเคี่ยวความฝันนะ ถ้าหากวันนั้นมาถึง แกช่วยมาเป็นสักขีพยานด้วยนะ"

แล้วไฟความฝันของพวกเราละใกล้มอดดับลงหรือยัง ถ้ายังพอมีสะเก็ดไฟอยู่ ต้องรีบเร่งไฟแล้วนะครับ อย่าปล่อยให้ความฝันมอดดับไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

ล้านนาแค่ขยิบตา

ล้านนาแค่ขยิบตา
บันทึกการเดินทางจำนวนสิบสี่ตอนที่จะเปลี่ยนมุมมองทุกการเดินทางให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Ads

Most Popular