Beyond Creative, We do

FB:Theexplorerphotographer

test

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา (ฉบับก่อนออกเดินทาง) ::: ตอนที่ 1 / ไก่ในจานกระเพรา :::


มิงกะลาบา 

ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา 

(ฉบับก่อนออกเดินทาง)



::: ตอนที่ 1 / ไก่ในจานกระเพรา :::







ในวันที่อากาศร้อนจนตับแทบจะไหม้
ผมกำลังเฝ้ารอการมาเยี่ยมเยือนจากผู้หญิงคนหนึ่ง
คนที่กำลังยืนเหงื่อไหลไคลย้อยที่อยู่ท้ายครัว

ข้าวเปล่าถูกโรยลงไปในกระทะที่ร้อนฉ่า
กลุ่มควันคละคลุ้งกับเนื้อไก่
และใบกระเพราที่นอนรออยู่ในกระทะ
ความเผ็ดร้อนของพริกชี้ฟ้า
ชวนให้สองตาและสองรูจมูกต้องรีบเมินหน้าหนี
ก่อนที่จะกลั้นอาการจามไว้ไม่ไหว

ร้านอาหารตามสั่งใต้ทางด่วนร้านนี้
ตั้งอยู่ใต้ผืนผ้าใบที่ทอดยาว
ตั้งแต่ปากซอยฝั่งถนนติดกับรางรถไฟสายเก่า
ปัจจุบันนี้ก็ไม่เคยเห็นจะมีรถไฟขบวนไหน
กล้าวิ่งฝ่าเข้ามาในบริเวณนี้
ถ้าหากวันนี้มีรถไฟแล่นผ่านมาจริง
ผมคงได้เห็นตลาดร่มหุบสาขาสองที่จุดนี้เป็นแน่

เพื่อปรับทัศนียภาพให้ดูมีคุณค่า
บริเวณริมทางรถไฟนี้
จึงถูกดัดแปลงเป็นศูนย์อาหารตามสั่งขนาดกะทัดรัด
พอที่จะรองรับหนังท้องของพนักงานบริษัท
ที่มาอาศัยอยู่รวมกันในบริเวณนี้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

ความอืดอาดของแสงแดดในยามบ่าย
ดูเชื่องช้ากว่าเวลาที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ
เมื่อข้าวผัดกระเพราจานที่สั่ง
ส่งกลิ่นฉุนจานนั้นไม่ใช่ของผม
ด้วยเหตุผลที่ชัดเจนว่ามันไม่มีไข่ดาวโปะอยู่ที่ข้าว
ผมชักสีหน้าออกอาการ
เพื่อให้เจ้าของร้านได้สังเกตเห็นความหิว
ที่เริ่มก่อตัวขึ้นแบบทวีคูณ

ก่อนที่เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาจะชี้ไปที่เลขสอง
ข้าวผัดกระเพราไก่ไข่ดาวจานใหญ่
ที่มีข้าวพูนๆก็ตรงมาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าพอดิบพอดี
ความโกรธที่สั่งสมเริ่มเลือนหาย
เมื่อความหิวบริเวณหนังท้องเริ่มคลี่คลาย

ขณะนี้เป็นเวลาที่พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่
ได้กลับไปประจำหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกันหมดแล้ว
เป็นที่รู้กันดีว่าหากผมเสนอหน้า
มาสั่งอาหารที่นี่ตอนเที่ยงตรง
ความอดทนในการรอคอยจะลดลงทันที
อีกทั้งเก้าอี้สีสันฉูดฉาดของทุกร้าน
ก็จะถูกจับจองเต็มพื้นที่
ไปด้วยพนักงานบริษัทน้อยใหญ่ในย่านนั้น
ผมจำต้องหลบลี้หลีกบั้นท้ายย้ายตัวเอง
ให้เคลื่อนที่ช้ากว่าเดิมเสียเล็กน้อย
เพื่อที่จะได้มาจับจองที่นั่งที่เหลือเฟือได้อย่างสบายอกสบายใจ

แม้ว่าตอนนี้ผมมีเวลาในการย่อยอาหารมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ก็ต้องแลกกับวงสนทนาที่เล็กลงกว่าเก่า

บางทีการใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง
เพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องสนทนากันในช่วงพักกลางวัน
ก็เปรียบเสมือนการได้ผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าจากสมอง
ความคิด และความรู้สึก
ยิ่งเราได้นั่งคุยกับคนที่คุ้นเคย
คนที่พร้อมจะรับฟังทุกๆปัญหาของเราได้
ก็ยิ่งทำให้กำลังใจในตอนบ่ายถูกจุด
ให้ลุกติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง
เพื่อพร้อมที่จะก้าวผ่านเวลาที่แสนเหน็บหนาวนั้นไปได้

ผมนึกไปถึงอาหารจานเดียวแสนเรียบง่าย
ที่เคยวางอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยมสีชมพู
ณ คาเฟทีเรียของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านศาลายา
มื้ออาหารยามเที่ยงที่เพื่อนๆ
ต่างล้อมวงตั้งใจฟังเรื่องเล่าขำขัน
ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ของคนต้นเรื่อง
บางคนขอเล่า
บางคนขอแสดงความคิดเห็น
บางคนขอข้อเสนอแนะ
บางคนขอยกมือโต้แย้ง

เราต่างยอมรับในความเห็นที่แตกต่าง
ซึ่งกันและกันในวงสนทนา
ไม่มีคนใดโดดเด่น
ไม่มีคนใดเหนือกว่าใคร
เราต่างมาล้อมวงกัน
เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองที่เราเคยเห็นต่างกัน
และในบางครั้งบทสรุปของความคิดนั้น
ก็เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารอย่างงงงวย

ต่างจากโต๊ะอาหารที่ผมกำลังพบเจอในตอนนี้
เมื่อผู้คนต่างมีภาระ ต่างหน้าที่ ต่างที่มา
ต่างมีผู้คนที่ต้องดูแล
การออกความคิดเห็นที่แตกต่าง
กำลังกลายเป็นการบ่อนทำลายความสัมพันธ์ให้ขาดสะบั้นลง
การเบี่ยงหน้าหนีด้วยการทำหน้าเออออห่อหมก
ดูจะเป็นทางหนีทีไล่ที่ดีที่สุดในเวลานั้น
คิดไปแล้วผมก็อยากจะยกโต๊ะสี่เหลี่ยมสีชมพูมาตั้งไว้ตรงหน้า
และค่อยๆพูดกับเบาๆกับพวกเขาว่า
"พวกเรายังรักกันอยู่ใช่ไหม"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

ล้านนาแค่ขยิบตา

ล้านนาแค่ขยิบตา
บันทึกการเดินทางจำนวนสิบสี่ตอนที่จะเปลี่ยนมุมมองทุกการเดินทางให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Ads

Most Popular