::: จุดไฟ,ความฝัน ปี 2014 :::
ณ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 2014
(1)
งานสัปดาห์หนังสือปีนี้ไม่ต่างจากปีก่อน
หนอนหนังสือจากทั่วสารทิศยังคงคลืบคลาน
ผ่านอุโมงค์ใต้ดินศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ประตูซุ้มที่ทำด้วยพลาสติกใสเป็นด่านแรกที่คอยต้อนรับขับสู้พวกเราได้เป็นอย่างดี
เหล่าบรรดาหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นยังคงตั้งบูธติดประตูทางเข้าต้อนรับเราอย่างที่เคยเป็น
ผมนัดเพื่อนคนเดิมที่เคยไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมื่อปีที่แล้ว
ไว้ที่โซนหนังสือห้องแพนนารี่ฮอลโซนเอ
บทสนทนาแรกที่ถูกป้อนเข้าหูทันทีหลังจากเดินไปเจอกันตรงจุดที่นัดไว้
คือเรื่องนิทานอาหรับที่ซื้อไปเมื่อปีก่อน
นิทานอาหรับราตรีทั้ง 4 เล่มของเพื่อนผมยังคงนอนแช่อยู่บนชั้นหนังสือเกือบแรมปี
ด้วยความหนาของหนังสือและรายละเอียดการดำเนินเรื่องที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน
นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นิทานอาหรับราตรีของเพื่อนผม
ยังคงถูกตั้งไว้รอการเปิดอ่านขึ้นมาอีกครั้ง
ผมไม่รอช้าที่จะบอกมันว่าวันนี้ที่งานมีเล่ม 5 และเล่ม 6 ออกแล้วนะ !!
แต่ดูการตอบรับจากสีหน้าของเพื่อนในวันนี้
มันคงมีแผนที่จะกลับมาซื้อปีหน้าซะมากกว่า
(2)
คืนวันศุกร์ก่อนวันหยุดยาวดูจะมีอิทธิพลต่อแรงดึงดูดผู้คน
คล้ายดวงจันทร์ในข้างขึ้นข้างแรม
จึงทำให้วันนี้หนอนหนังสือดูบางตากว่าที่เคยเป็น
อีกทั้งสมัยนี้หนังสือก็หาซื้อง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ
แค่มีคอมพิวเตอร์กับบัตรเครดิต
ไม่เกิน 2 วันหนังสือที่สั่งโดยการคลิ๊กเมาส์ก็จะมาเกยตื้นอยู่ที่หน้าบ้าน
พร้อมกับรอยยิ้มของคุณลุงบุรุษไปรษณีย์
การได้มาสัมผัสกับความตั้งใจจากนักเขียนตัวจริงในงาน
คือเหตุผลหนึ่งที่ผมตัดสินใจย่างเท้าเข้ามา ณ สถานที่แห่งนี้
บูธแรกที่ผมเดินเข้าไปเยี่ยมเยือนอยู่ติดหัวมุมทางออกโซนเอ
คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการเปิดหนังสือเพื่อเชคดูสภาพรอยขีดข่วนที่ซ่อนอยู่ภายในเล่ม
เนื่องจากผมเตรียมรายการหนังสือที่จะมาซื้อไว้ตั้งแต่วันก่อน
แต่จนแล้วจนเล่าก็จำยอมต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อหนังสือที่อยู่เหนือแผนการ
หนังสือรวมบทความคัดสรร "ก่อนหน้านี้" ของปราบดา หยุ่น
ทั้งๆที่หนังสือเล่มนี้ถูกเคลือบด้วยพลาสติกกั้นการเปิดอ่าน
ในฐานะผู้บริโภคย่อมต้องให้ความสำคัญกับการลองก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
แต่สำหรับผมหนังสือเล่มนี้มีแรงดึงดูดบางอย่าง
บางประโยคที่ซ่อนอยู่ที่ปกหลังชวนให้ผมต้องเพิ่มหนังสือเล่มนี้เข้าไปใน Wish List
ที่วางแผนไว้ก่อนหน้าอย่างเร็วพลัน
แม้วันนี้พี่ปราบดาจะไม่ได้มาปรากฏตัวอยู่ในงาน
แต่ผมว่าเราอาจจะได้เจอกันเร็วๆนี้แน่นอน
(3)
ถัดออกมาอีกโซนหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นสำนักพิมพ์น้องใหม่ล่าสุด
แต่กลับมีผู้อ่านต่อแถวขอรายเซ็นต์กันมากที่สุด
บูธ KOOB ตั้งอยู่เกาะกลางระหว่างทางเชื่อมห้องแพนนารี่ฮอลสู่เวทีเสวนา
ผมไม่แปลกใจที่วันนี้เด็กวัยรุ่นหน้าใสกริ๊งจำนวนมาก
มาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมายอยู่ที่หน้าบูธ KOOB
นักเขียนคู่รักทั้งสองกำลังบรรจงแจกลายเซ็นต์กันอย่างขะมักเขม้น
นักอ่านวัยรุ่นยังคงต่อแถวยาวพับทบซ้อนแล้วซ้อนเล่าจนกลายเป็นหางว่าว
ยังดีที่หางว่าวตัวนี้ไม่ได้ไปบดบังบูธข้างๆ
ผมได้แต่แอบอิจฉาวิธีการเดินไปหาความสุขที่ของนักเขียนคู่รักทั้งสองคนนี้
และผมก็ไม่พลาดที่จะซื้อหนังสือเล่มใหม่ของพวกเขาตามแผนที่วางไว้
(4)
จริงแล้วการมาเยี่ยมเยือนงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งนี้
ผมตั้งใจจะมาหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของนักเขียนชื่อดังต่างๆ
เพื่อที่จะนำแนวคิดดีๆไปผนวกรวมกับความคิดของผม
ที่กำลังเรียงตัวอยู่ในหัวหลังจากที่กลับมาจากประเทศพม่าได้ไม่นาน
แม้ตอนนี้หน้าปกและชื่อหนังสือจะก่อตัวเป็นร่างได้แล้ว
แต่ที่สำคัญคือเนื้อหามากมายที่ยังขมวดเป็นปมอยู่ในความทรงจำที่ผ่านมา
หนังสือเล่มแรกในแผนที่ตั้งใจจะมาซื้อกลับกลายเป็นหนังสือเล่มสุดท้าย
ที่ผมและเพื่อนกำลังจะต้องเดินกลับไปที่ห้องแพนนารี่อีกครั้ง
ระหว่างทางเดินมีหนังสือมากมายถูกตั้งเรียงรายตามบูธต่างๆ
ดูแล้วก็ไม่ต่างกลับความรู้มากมายที่เราต่างผ่านประสบการณ์กันมาอย่างโชกโชน
บางคนเลือกที่จะถ่ายทอดมันออกมาเป็นบทความ หนังสือ หรือภาพถ่าย
หนังสือที่เราเลือกหยิบขึ้นมาอ่านกำลังแสดงความต้องการของตัวเราได้ดีที่สุด
บางทีการค้นหาตัวเองอาจจะไม่ยากอย่างที่คิด
ถ้าเราเลือกอ่านหนังสือแบบไหน เราก็จะเป็นเช่นนั้นแล
(5)
ไม่นานนักถึงบูธเป้าหมายสุดท้ายของเรา
ผมไม่รอช้าที่จะหยิบหนังสือเล่มโปรดเล่มนั้นขึ้นมาเชคดูรอยขีดข่วนอย่างช้าๆอีกครั้ง
ดูเหมือนจะโชคดีกว่าที่คาด
ผมค่อยๆเงยหน้าเพื่อจ้องมองนักเขียนและบรรณาธิการนิตยสาร a day
ที่กำลังส่งยิ้มตาหยีอยู่ข้างหน้า
ทันใดนั้นภาพนิตยสาร a day ปกเดือนที่แล้วก็ลอยเข้ามาอยู่ในหัว
ปกหนังสือสีดำเคล้าแก้มสีแดงของเจ้าหมีคุมะมง
ยังคงสร้างความน่าประหลาดใจให้กับผมไม่ลางเลือน
ผมได้แต่ขอบคุณการนำเสนอคอลัมน์ดีๆผ่านนิตยสารเล่มนั้น
ก่อนที่ทั้งสองมือจะยื่นหนังสือ "ทางรถไฟสายดาวตก" ให้พี่ก้อง ทรงกลด
เขียนข้อความบางอย่างลงไป
ผมรับหนังสือกลับมาอย่างเร็วพลัน
เพื่อที่จะนำไปชำระค่าลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฏหมาย
โดยไม่ได้เร่งรีบที่จะเปิดดูข้อความที่พี่ก้องฝากไว้ในหนังสือเล่มนั้น
ก่อนที่จะเดินจากกลับไปยังอุโมงค์ใต้ดินศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ผมเริ่มครุ่นคิดหาความหมายของหนังสือที่ผมเลือกหามาในวันนี้
ปกหน้าไม่ต้องสวยงามอย่างที่คิด
คำนำไม่จำเป็นต้องจ้างให้ใครมาเขียน
ความหมายที่แท้จริงของหนังสือถูกบรรจุอยู่ในตัวอักษรที่นักเขียนคนหนึ่งได้จรดปากกาลงไป
ผมพลิกหนังสือเพื่อสำรวจรอยขีดข่วนอีกครั้ง
ผมเพิ่งเข้าใจความหมายในนั้น
อย่างชัดเจน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น