ปิดเทอมใหญ่-หัวใจ(คว้า)วุ่น
เดือนแห่งความรักเพิ่งจะเคลื่อนคล้อยผ่านไปเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลายคู่หลายคนคงได้ชื่นมื่นกับความรักอันเป็นนิจนิรันดร์ จวนจนก้าวข้ามมายังเดือนนี้ที่กลิ่นไอรักสีชมพูจะเริ่มอวบอวลจางลง
ผมคิดทบทวนอยู่นานก็ลงความเห็นว่า เราน่าจะแต่งตั้งให้เดือนมีนาคมเป็นเดือนแห่งการหยุดพักเสียบ้าง
ที่ว่าเป็นเดือนแห่งการหยุดพัก เพราะเดือนนี้จะเป็นเดือนที่เด็กเล็กน้อยใหญ่จะได้หยุดพักภารกิจการเรียนการสอนที่ตรากตรำมากันจนครบหนึ่งเทอม
การสอบปลายภาคที่เป็นเสมือนตัวดูดพลังงานให้ต้องอดหลับอดนอนกันหามเช้าหามรุ่ง กาแฟสำเร็จรูปที่ถูกชงในถ้วยพลาสติกทนความร้อนพยายามกดดันความหนักหน่วงของรูม่านตา ชีทสรุปข้อสอบของรุ่นพี่ที่เป็นเหมือนเข็มทิศนำทางให้การอ่านหนังสือแบบหามรุ่งจบได้เร็วขึ้น
และการปิดเทอมคงเป็นสิ่งวาดฝันที่อยากให้มาถึงเร็วที่สุดของบรรดาเด็กนักเรียนตาดำๆ
ในสมัยหนึ่งที่คำว่า "ปิดเทอม" ยังถูกบัญญัติไว้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต เด็กนักเรียนตัวน้อยๆอย่างผมก็เลือกที่จะเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าห้องสมุดหาความรู้เรื่องใหม่ๆ การท่องเที่ยวไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไป การลองทำในสิ่งที่ตนเองรัก สิ่งเหล่านี้มันมักจะถูกหยิบยื่นเข้ามาให้เสมอเวลาที่่เราได้หยุดพัก และได้ค้นหาคำตอบให้กับตัวเอง
หากตอนนี้คำว่าปิดเทอมใหญ่จะดูเลือนลางลงทุกทีเมื่อเวลาผันแปรเปลี่ยนไป เราทุกคนกลับถูกบรรจุลงในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ต้องปฏิบัติในทุกๆวัน และจะไม่มีคำว่าปิดเทอมนี้อีกต่อไปแล้ว
การปิดเทอมหนึ่งครั้งเป็นเหมือนการให้เด็กนักเรียนได้คิดทบทวนความฝัน ความคิดสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจของตัวเอง
แม้การเรียนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผู้ปกครองสามารถหามามอบให้กับนักเรียน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการที่นักเรียนจะมีสิทธิเลือกใช้ชีวิต เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตนเองรัก เมื่อไหร่ที่เขาสามารถเจอสิ่งที่ตนเองรักได้เร็วไว วันข้างหน้าเขาจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบพบเจอทั้งด้านความสำเร็จและความสุขไปพร้อมๆกัน
นั่นจึงทำให้ปิดเทอมใหญ่เป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา
(2)
เมื่อวานที่ผ่านมามีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งผู้ซึ่งสวมเอี้ยมสีเขียวยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับบางๆยี่ห้อหนึ่งมาใส่ในมือผม หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นฟรีก๊อปปี้ที่มักแจกให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าได้หยิบฉวยมาอ่านกันแบบฟรีๆ บางคนขอแค่ถือโชว์พร้อมกับกาแฟถ้วยหรูซักแก้วให้โก้เก๋บนรถไฟฟ้าไม่หยอกแล้ว
"ฟอร์บส์จับโพยอภิเศรษฐี 10 คนไทยมหาเสี่ยระดับโลก"
พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของวันนี้เห็นเด่นมาตั้งแต่ไกล พร้อมทั้งรูปภาพของคุณธนินท์ ยืนกอดอกยิ้มอย่างมีความสุขบนหน้าพาดหัวข่าวนั้น
"กว่าที่เจ้าสัวหลายๆท่านจะมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มได้อย่างนี้ พวกเขาคงต้องผ่านทุกข์ผ่านสุขมามากเหลือหลาย" ผมยืนคิดระหว่างที่กำลังเซไปพร้อมกับรถไฟฟ้าที่กำลังแตะเบรค
การเดินทางของเจ้าสัวคงมีเรื่องราวมากมายให้ต้องประสบพบเจอมา บางครั้งบางท่านอาจจะต้องสะดุดล้มลงบ้าง เพื่อเป็นประสบการณ์ในการเรียนรู้กับการดำเนินธุรกิจในครั้งใหม่ แต่แปลกที่คนส่วนใหญ่มักมองว่าความสำเร็จเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นแบบข้ามคืน หรือความสำเร็จมันเกิดขึ้นได้ง่าย
ความหมายของความสำเร็จคงไม่ได้วัดค่าด้วยการมีทุนหรือทรัพย์สินที่มากมายมหาศาล
แต่การนำความรู้ ประสบการณ์ รวมทั้งการเลือกทำในสิ่งที่ตนเองถนัด จะเป็นมาตราวัดที่เที่ยงตรงที่สุด
ในการสร้างธุรกิจ "ต้นทุน" เป็นสิ่งที่สามารถจุดประกายภาพร่างของธุรกิจแบบเจือจางให้กลายเป็นรูปธรรมให้เห็นได้เด่นง่าย แต่ทุนนั้นก็สามารถทำให้ธุรกิจล้มได้ง่ายเช่นกัน หากเจ้าของธุรกิจขาดความรู้ ประสบการณ์ และความรัก (Passion)
ผมกลับให้ความสำคัญกับคำว่าความรักเป็นพิเศษกว่าคำอื่นๆ
ความรักที่ปราศจากการบีบบังคับให้รัก คือ ความรักที่ไม่ต้องการเวลา
แค่เราได้ลงมือทำสิ่งๆหนึ่งให้เหมือนกับการใช้ชีวิตปกติทุกๆวัน (Passion)
เมื่อเราคิดที่จะรัก เราจะเริ่มค้นหา มีความเชื่อ ศรัทธา มีความกล้า และลงมือทำ
ไม่ว่าธุรกิจที่สร้างขึ้นจะล้มไม่เป็นท่าไปกี่ครั้ง แต่เมื่อธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะรัก บางทีกำไรที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ได้ถูกวัดออกมาแค่เป็นตัวเลขทางบัญชี แต่กำไรกำลังถูกเพิ่มปริมาณในฐานะ "คุณค่าของชีวิต"
การเลือกทำในสิ่งที่ตนเองรักดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ยากจะหาคำตอบได้เร็วไว แต่ถ้าค้นมันเจอแล้วอย่ากลัวที่จะลงมือทำ
แต่ถ้าหากคำตอบจะหายากนัก ก็ลองเอาหัวใจไปปิดเทอมใหญ่เหมือนพวกเด็กๆดูบ้าง บางทีวิธีคิดแบบเด็กๆอาจจะทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆได้ง่ายขึ้น
เมื่อเลือกเป้าหมายที่ถูกต้องแม่นยำ การเดินทางเพื่อคว้าความสำเร็จก็อาจจะใช้เวลาที่สั้นลงกว่าเดิมก็เป็นได้
เดือนแห่งความรักเพิ่งจะเคลื่อนคล้อยผ่านไปเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลายคู่หลายคนคงได้ชื่นมื่นกับความรักอันเป็นนิจนิรันดร์ จวนจนก้าวข้ามมายังเดือนนี้ที่กลิ่นไอรักสีชมพูจะเริ่มอวบอวลจางลง
ผมคิดทบทวนอยู่นานก็ลงความเห็นว่า เราน่าจะแต่งตั้งให้เดือนมีนาคมเป็นเดือนแห่งการหยุดพักเสียบ้าง
ที่ว่าเป็นเดือนแห่งการหยุดพัก เพราะเดือนนี้จะเป็นเดือนที่เด็กเล็กน้อยใหญ่จะได้หยุดพักภารกิจการเรียนการสอนที่ตรากตรำมากันจนครบหนึ่งเทอม
การสอบปลายภาคที่เป็นเสมือนตัวดูดพลังงานให้ต้องอดหลับอดนอนกันหามเช้าหามรุ่ง กาแฟสำเร็จรูปที่ถูกชงในถ้วยพลาสติกทนความร้อนพยายามกดดันความหนักหน่วงของรูม่านตา ชีทสรุปข้อสอบของรุ่นพี่ที่เป็นเหมือนเข็มทิศนำทางให้การอ่านหนังสือแบบหามรุ่งจบได้เร็วขึ้น
และการปิดเทอมคงเป็นสิ่งวาดฝันที่อยากให้มาถึงเร็วที่สุดของบรรดาเด็กนักเรียนตาดำๆ
ในสมัยหนึ่งที่คำว่า "ปิดเทอม" ยังถูกบัญญัติไว้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต เด็กนักเรียนตัวน้อยๆอย่างผมก็เลือกที่จะเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าห้องสมุดหาความรู้เรื่องใหม่ๆ การท่องเที่ยวไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไป การลองทำในสิ่งที่ตนเองรัก สิ่งเหล่านี้มันมักจะถูกหยิบยื่นเข้ามาให้เสมอเวลาที่่เราได้หยุดพัก และได้ค้นหาคำตอบให้กับตัวเอง
หากตอนนี้คำว่าปิดเทอมใหญ่จะดูเลือนลางลงทุกทีเมื่อเวลาผันแปรเปลี่ยนไป เราทุกคนกลับถูกบรรจุลงในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ต้องปฏิบัติในทุกๆวัน และจะไม่มีคำว่าปิดเทอมนี้อีกต่อไปแล้ว
การปิดเทอมหนึ่งครั้งเป็นเหมือนการให้เด็กนักเรียนได้คิดทบทวนความฝัน ความคิดสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจของตัวเอง
แม้การเรียนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผู้ปกครองสามารถหามามอบให้กับนักเรียน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการที่นักเรียนจะมีสิทธิเลือกใช้ชีวิต เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตนเองรัก เมื่อไหร่ที่เขาสามารถเจอสิ่งที่ตนเองรักได้เร็วไว วันข้างหน้าเขาจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบพบเจอทั้งด้านความสำเร็จและความสุขไปพร้อมๆกัน
นั่นจึงทำให้ปิดเทอมใหญ่เป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา
(2)
เมื่อวานที่ผ่านมามีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งผู้ซึ่งสวมเอี้ยมสีเขียวยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับบางๆยี่ห้อหนึ่งมาใส่ในมือผม หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นฟรีก๊อปปี้ที่มักแจกให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าได้หยิบฉวยมาอ่านกันแบบฟรีๆ บางคนขอแค่ถือโชว์พร้อมกับกาแฟถ้วยหรูซักแก้วให้โก้เก๋บนรถไฟฟ้าไม่หยอกแล้ว
"ฟอร์บส์จับโพยอภิเศรษฐี 10 คนไทยมหาเสี่ยระดับโลก"
พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของวันนี้เห็นเด่นมาตั้งแต่ไกล พร้อมทั้งรูปภาพของคุณธนินท์ ยืนกอดอกยิ้มอย่างมีความสุขบนหน้าพาดหัวข่าวนั้น
"กว่าที่เจ้าสัวหลายๆท่านจะมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มได้อย่างนี้ พวกเขาคงต้องผ่านทุกข์ผ่านสุขมามากเหลือหลาย" ผมยืนคิดระหว่างที่กำลังเซไปพร้อมกับรถไฟฟ้าที่กำลังแตะเบรค
การเดินทางของเจ้าสัวคงมีเรื่องราวมากมายให้ต้องประสบพบเจอมา บางครั้งบางท่านอาจจะต้องสะดุดล้มลงบ้าง เพื่อเป็นประสบการณ์ในการเรียนรู้กับการดำเนินธุรกิจในครั้งใหม่ แต่แปลกที่คนส่วนใหญ่มักมองว่าความสำเร็จเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นแบบข้ามคืน หรือความสำเร็จมันเกิดขึ้นได้ง่าย
ความหมายของความสำเร็จคงไม่ได้วัดค่าด้วยการมีทุนหรือทรัพย์สินที่มากมายมหาศาล
แต่การนำความรู้ ประสบการณ์ รวมทั้งการเลือกทำในสิ่งที่ตนเองถนัด จะเป็นมาตราวัดที่เที่ยงตรงที่สุด
ในการสร้างธุรกิจ "ต้นทุน" เป็นสิ่งที่สามารถจุดประกายภาพร่างของธุรกิจแบบเจือจางให้กลายเป็นรูปธรรมให้เห็นได้เด่นง่าย แต่ทุนนั้นก็สามารถทำให้ธุรกิจล้มได้ง่ายเช่นกัน หากเจ้าของธุรกิจขาดความรู้ ประสบการณ์ และความรัก (Passion)
ผมกลับให้ความสำคัญกับคำว่าความรักเป็นพิเศษกว่าคำอื่นๆ
ความรักที่ปราศจากการบีบบังคับให้รัก คือ ความรักที่ไม่ต้องการเวลา
แค่เราได้ลงมือทำสิ่งๆหนึ่งให้เหมือนกับการใช้ชีวิตปกติทุกๆวัน (Passion)
เมื่อเราคิดที่จะรัก เราจะเริ่มค้นหา มีความเชื่อ ศรัทธา มีความกล้า และลงมือทำ
ไม่ว่าธุรกิจที่สร้างขึ้นจะล้มไม่เป็นท่าไปกี่ครั้ง แต่เมื่อธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะรัก บางทีกำไรที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ได้ถูกวัดออกมาแค่เป็นตัวเลขทางบัญชี แต่กำไรกำลังถูกเพิ่มปริมาณในฐานะ "คุณค่าของชีวิต"
การเลือกทำในสิ่งที่ตนเองรักดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ยากจะหาคำตอบได้เร็วไว แต่ถ้าค้นมันเจอแล้วอย่ากลัวที่จะลงมือทำ
แต่ถ้าหากคำตอบจะหายากนัก ก็ลองเอาหัวใจไปปิดเทอมใหญ่เหมือนพวกเด็กๆดูบ้าง บางทีวิธีคิดแบบเด็กๆอาจจะทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆได้ง่ายขึ้น
เมื่อเลือกเป้าหมายที่ถูกต้องแม่นยำ การเดินทางเพื่อคว้าความสำเร็จก็อาจจะใช้เวลาที่สั้นลงกว่าเดิมก็เป็นได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น