บังเอิญ/นิ้วกลม/พรหมลิขิต
ในช่วงเวลาที่บรรดาผู้คนต่างพากันจูงมือควงแขนกันไปทุบทำลายสถิติภาพยนตร์ไทยย้อนยุคชื่อดังที่ต่างกล่าวถึงกันให้หนาหู ภาพยนต์เรื่องนี้ถูกทุ่มทุนสร้างโดยบริษัทสร้างภาพยนตร์ที่ใส่ใจวัยรุ่นในยุคเจนวายเป็นอย่างดี
ทว่าจะมาทำหนังให้ซีเรียสอิงตามแบบแผนให้ถูกต้องก็ดูจะไม่ถูกใจผู้คนในสมัยที่บ้านเมืองมีแต่เรื่องเครียดกันตั้งแต่เช้าวันจันทร์จนถึงเย็นวันศุกร์ ภาพยนตร์จึงถูกดัดแปลงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเรื่องอะไรที่ทุกคนคงต่างรู้ดี
ไม่น่าแปลกใจที่ถึง ณ วันนี้ผมยังคงไม่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ เอาเป็นว่าด้วยสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวย เวลาที่ยังไม่ลงตัว เพราะไม่ว่าจะชะโงกหน้าเข้าไปจองที่นั่งตรงไหนก็เต็มไปด้วยการถูกจับจองจากผู้คนจำนวนมหาศาลที่ไม่รู้ล้นหลามมาจากทิศใด หากยังดั้นด้นฝืนไปนั่งเอาแถวหน้าก็ต้องหายาหม่องมาทาถูกันยาวทีเดียว
(2)
ซีดีหนังไทยเก่าแกะกล่องแผ่นหนึ่งถูกค้นพบในขณะที่ผมกำลังจัดเรียงข้อมูลเก่าๆในลิ้นชัก ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2546 หากจำไม่พลาดภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเสมือนแรงรัก แรงปรารถนาของเหล่าเพื่อนๆที่กำลังจะจบ ม.6 ก็ช่วงนั้นเราต่างคนต่างเตรียมเอนทรานซ์ และเตรียมจะจากลากันไปเรียนต่อ ณ ต่างบ้าน ต่างเมือง ต่างจังหวัด หรือบางคนก็ไปต่างประเทศ
ผมหยิบแผ่นซีดีนี้ที่สภาพรอยแมวข่วนนี้ขึ้นมาหย่อนใส่เครื่องเล่นดีวีดี ไม่นานนักฉากไตเติ้ลชื่อหนังก็ปรากฏขึ้นมาว่า "กุมภาพันธ์"
ไอจี ไม่ใช่โปรแกรมโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เราใช้อัพเดตรูปกันในขณะนี้ แต่ไอและจีคือบุคคลสองคนที่บังเอิญถูกปากกาของนักประพันธ์ผูกเรื่องให้ทั้งคู่มาพบเจอกันที่นิวยอร์ก ด้วยโชคชะตาและพรหมลิขิตทำให้ทั้งคู่ได้ผูกสายใยอันเปราะบางระหว่างกันและกัน
ชายลึกลับกับหญิงผู้ซึ่งประสบอุบัติเหตุจดจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง กำลังดำเนินเรื่องราวให้อันน่าอัศจรรย์ให้เราชม
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะว่าไปแล้วก็ไม่น่าจะถูกบรรจุไว้ในภาพยนตร์ของประเทศไทยมากนัก ก็ด้วยตัวเรื่องและบทพากษ์ที่ต้องขึ้นซับไตเติ้ลกันเกือบแทบจะทั้งเรื่องก็ชวนให้ผมเริ่มนึกไปถึงภาพยนตร์ต่างภาษาหลายๆเรื่องที่ถูกนำเข้ามาฉายในประเทศเรา
ผมเริ่มสะดุดกับฉากจอดำขณะที่จีกำลังขับรถผ่านแยกไฟแดง เป็นขณะเดียวกับที่ไอกำลังเดินหลงทางมาเจอเข้ากับรถของจีที่จอดติดไฟแดงอยู่
ประโยคซับไตเติ้ลไม่รอช้าที่จะกล่าวว่า "Do you believe in destiny"
(3)
ได้มีเวลากลับมาดูหนังรักโรแมนติกเรื่องนี้โดยบังเอิญก็อดใจหายไม่ได้ที่จะกล่าวพลาดพิงถึงตัวเอง
บางครั้งบางเรื่องราวที่ผ่านมาอาจจะเป็นเหมือนบทเรียนที่คอยสอนใจเราอยู่ก็ได้ บางครั้งอดีตก็ผ่านมาให้จดจำ ไม่ได้เกิดมาเพื่อผูกพันธ์ ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายอนาคตจะถูกคำว่าโชคชะตานำทางเราไปอยู่ ณ ที่แห่งใด
"ณ ที่แห่งนั้น เมื่อได้รู้ว่ามีเธออยู่ด้วยกันบนโลกใบนี้" ความเรียงชิ้นหนึ่งที่ถูกบรรจุไว้ในหนังสือของนิ้วกลม
หากใครที่เป็นแฟนตัวยงของพี่เอ๋ถ้าได้อ่านบทนี้แล้วคงแอบมีน้ำตาซึมๆด้วยความปลาบปลื้มอยู่มิใช่น้อย ความเรียงขนาดความยาวไม่เกิน 8 หน้ากระดาษสีหม่นๆนี้ ชวนให้ตรึงตาตรึงใจ ชวนพาฝันให้หลงเข้าไปสู่ห้วงเวลาที่พี่เอ๋เริ่มรู้จัก เริ่มสนิท เริ่มใช้เวลา เริ่มใช้โชคชะตากับแฟนคนปัจจุบัน (และแฟนคนในอนาคต)
บางทีโลกอาจจะกำลังเล่นตลกกับผู้คนหลายๆคนที่บังเอิญมาเจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย ฤาในทุกครั้งของการเดินทางย่อมมีสิ่งใดๆมาดลใจนำพาให้เราต้องรู้จักกัน
คนหนึ่งที่สีหม่นอาจจะถูกเติมเต็มด้วยอีกหนึ่งคนที่มีสีหมอง เพื่อเกิดเป็นทฤษฎีผสมสีที่สวยงามมากขึ้น
ไม่ว่าไอกับจี พี่เอ๋กับแฟน จะถูกกำหนดโดยโชคชะตาที่ต่างวาระกันมากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วผู้ประพันธ์ที่อยู่เบื้องบนคงไม่มีพลังวิเศษอันใดที่เหนือไปกว่ากำหนดโชคชะตาให้ใครมาเจอกัน เพราะสุดท้ายความรักจะเป็นตัวกำหนดด้วยตัวมันเอง
บางทีตอนนี้ผมอาจจะหลงรักเพลงเดียวกับที่พี่เอ๋เขียนไว้ในความเรียงของหนังสือชื่อ ณ ในหน้า 224 ก็เป็นได้
".... ก็อยากให้รู้แม้จะอยู่ห่างไกลถึงแม้จะอยู่ตรงไหน
ถ้าโลกนี้นั้นมีแค่ใครสักคนหนึ่ง ให้คิดถึงกันทุกวัน
จะทำให้หมดคำถาม ...ตลอดไป ...."
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น