Beyond Creative, We do

FB:Theexplorerphotographer

test

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ปฏิเสธอย่างไร


ปฏิเสธอย่างไร

* * * * * * * * * *


(1)
เรากลัวที่จะเป็นฝ่ายถูกปฏิเสธ แต่ในบางครั้งเราเองกลับเผลอเป็นฝ่ายที่ลั่นวาจาปฏิเสธคำนั้นออกไปเอง คำว่า "ไม่" กลายเป็นคำที่ทรงพลังที่สุดสำหรับฝ่ายที่ต้องการปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ เพราะมันจะคอยปกปัดสิ่งที่เราไม่ได้สนใจออกไปให้ไกลๆจากชีวิตชั่วขณะหนึ่ง การพูดคำว่า "ไม่ๆๆๆ" เสียจนติดปากอาจทำให้เราติดนิสัยหลีกเลี่ยงสภาวะอันวุ่นวายนั้นๆออกไปอย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งบางครั้งคำว่า "ไม่" ส่วนใหญ่ก็ถูกถ่ายทอดออกมาจากอารมณ์ที่อยู่เหนือเหตุผล และอารมณ์ที่ฉุนเฉียวในครานั้นมันคงไม่สามารถแก้ไขเรื่องราวแย่ๆให้ดีขึ้นมาได้หรอ

การถูกปฏิเสธซึ่งๆหน้ามันคงสร้างบาดแผลได้พอๆกับการถูกฉีกหน้ากลางงานแต่ง อาการบาดเจ็บที่ฟกช้ำมันได้สร้างร่องรอยอารยธรรมให้แก่ผู้ที่โดนปฏิเสธอย่างคาดไม่ถึง หอกแหลมคมจากคำพูดที่เหมือนดั่งยาพิษ มันได้พุ่งทิ่มแทงเข้าใส่หัวใจเสียจมมิดด้าม เราอาจไม่มีเหลือเรี่ยวแรงจะหยัดยืน หรือแม้แต่จะเอ่ยคำพูดจาใดๆ ความสะอึกสะอื้นเจียนตายเท่านั้นที่จะคอยปลอบประโลมในวันที่หัวใจสะบักสะบอม

ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้อยากเป็นทั้งฝ่ายที่ต้องปฏิเสธหรือฝ่ายที่ถูกปฏิเสธในชีวิตจริง แต่เรื่องราวบางเรื่องก็จำเป็นต้องถูกตัดทิ้งเพื่อที่เราจะได้เลือกเพียงหนทางหนึ่งเดียวที่ชัดเจนแล้วก้าวต่อไปข้างหน้า การตัดสินใจในแต่ละครั้งอาจมีทั้งผู้สมหวังและผู้ผิดหวังที่ถูกทอดทิ้งเอาไว้ในกาลเวลา แต่เราจะต้องจำเอาไว้ว่าการปฏิเสธเพียงหนึ่งครั้ง อาจทำให้ผลลัพธ์และบริบทต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าเปลี่ยนไปอย่างถาวร

(2)
สมัยเข้าทำงานหลังเรียนจบใหม่ๆ ผมเคยถูกสั่งสอนให้หลีกเลี่ยงการปฏิเสธความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าลูกค้าจะต้องการอะไรมากน้อยขนาดไหน เจ้าหน้าที่อย่างเรามีหน้าที่เพียงเสนอทางเลือกหลายๆทางให้แก่ฝ่ายสนทนา คำว่า "ไม่" ถือเป็นคำที่ร้ายแรงและพร้อมที่จะทำให้ฝ่ายสนทนาเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวได้ตลอดเวลา การทำงานกับความรู้สึกคนจำเป็นต้องใช้น้ำเย็นเข้าลูบไล้เสียมากกว่าการปล่อยให้คารมปะทะกันอย่างไม่เกรงใจกัน

"มีไหมบางครั้งที่จำต้องหลุดปฏิเสธไป" ตอบตามตรงว่าเราก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาก็ต้องมีบ้างที่ต้องยืนยันว่าความต้องการที่เหนือธรรมชาติก็อาจเป็นไปไม่ได้ บ่อยครั้งเราก็จำเป็นต้องแหกกฏของบริษัทว่าลูกค้าคือพระเจ้า เพื่อลดทอนความต้องการที่มามากเสียจนเกินจะเยียวยา ทว่าผมเองก็จะไม่ปฏิเสธไปอย่างข้างๆคูๆจนกว่าการแก้ไขปัญหาในครั้งนั้นเดินทางมาถึงยังทางตัน

บ่อยครั้งที่ผมลักลอบใช้วิธีหลีกเลี่ยงการปฏิเสธด้วยการเสนอทางเลือกที่มีทางเข้ามากกว่าหนึ่งทาง โดยประตูทางเข้าที่ตระเตรียมเอาไว้นั้น ผมจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายสนทนาได้ตัดสินใจเลือกเดินเข้าไปเอง เมื่อผ่านไปได้สักพักเราจะเริ่มรับรู้ได้ว่าความต้องการที่แท้จริงจะถูกแทนที่ด้วยเหตุผลที่เป็นกันเอง เมื่อนั้นก็ถึงคราที่เราจะค่อยๆแง้มประตูบานสุดท้ายที่มีอยู่บานเดียว แล้วปล่อยให้เขาค่อยๆคิดตัดสินใจเปิดประตูบานนั้นออกไปเจอคำตอบสุดท้ายนั้นเอง

ตลอดระยะเวลาเกือบห้าปีที่ผมถูกสั่งสอนให้ประนีประนอมด้วยการแก้ปัญหาให้ถึงที่สุดก่อนที่จะเอื้อนเอ่ยประโยคปฏิเสธ ซึ่งหลายๆครั้งตัวเลือกสำหรับทางออกก็มีไม่มากได้อย่างที่ใจคิด บางครั้งการหาทางออกให้กับปัญหาของคนอื่นมันก็ทำให้เราหันกลับมามองวิธีแก้ไขปัญหาของตัวเอง บางทีผมอาจจะต้องสร้างประตูวิเศษขึ้นมาให้ตัวเองเสียบ้างแล้วก็ค่อยๆปล่อยให้ความรู้สึกลึกๆที่อยู่ข้างในนั้นตัดสินใจเอาเอง

(3)
ในหนังสือ "50 วิธีจัดการคน จัดการใจ ในที่ทำงาน" ที่เขียนโดย Maki Fukasawa ได้แบ่งคนที่ใช้เทคนิคการปฎิเสธเก่งๆเอาไว้ 2 ประเภท หนึ่งคือคนที่มีเทคนิคในการปฏิเสธ และสองคือคนที่ปฏิเสธด้วยการพูดความจริง ซึ่งใครๆก็สามารถเรียนรู้เทคนิคในการปฏิเสธได้กันทั้งนั้น แต่การพูดความจริงบางครั้งมันก็เป็นสิ่งยากเย็นในสถานการณ์คับขัน เพราะความจริงบางเรื่องมันก็อาจจะไม่ได้ถูกใจฝ่ายสนทนาไปเสียหมด อีกทั้งผลลัพธ์ทางอารมณ์ที่คาดเดาไม่ได้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การสนทนานั้นๆล้มไม่เป็นท่าเอา แต่การกักเก็บความจริงเอาไว้โดยที่ไม่พูดออกไปเลย ก็อาจทำให้ตัวของเราเองมีปัญหาได้เช่นกัน

จะว่าไป "การปฏิเสธ" ก็เปรียบเสมือนดาบสองคมที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบ หากจับผิดด้ามดาบนั้นก็จะกลับมาทำร้ายตัวเราเอง การประนีประนอมคงเหมือนการประคับประคองจิตใจของตัวเองและฝ่ายร่วมสนทนาให้สามารถเข้าผ่านอุปสรรคที่คอยกั้นขวาง เราไม่จำเป็นต้องเสนอหน้าใช้กำลังทั้งหมดยกสิ่งกีดขวางก้อนนี้ออกไปเพียงคนเดียว ทว่าเรี่ยวแรงของฝ่ายตรงข้ามนั้นก็สำคัญเช่นกัน

ปฏิเสธให้เป็นในบางเรื่องและรู้จักแก้ไขปัญหาที่ค้างคาไปพร้อมๆกัน เรายังคงถูกเรียกว่ามนุษย์ปุถุชนผู้ที่มีหนึ่งสมองและสองมือไม่แตกต่างกัน ฉะนั้นเราจึงมิอาจแบกรับปัญหาของคนอื่นไปได้ตลอดเวลา หากปัญหาของคนอื่นมีไว้ให้แก้ ก็ขอให้ล้อมกรอบมันไว้ในขอบเขตที่ไม่ได้ทำให้เราต้องกลุ้ม พอหมดปัญหาของคนอื่นก็ถึงทีที่เราจะต้องมาคิด วิเคราะห์ แยกแยะความต้องการของเราจริงๆเสียที ค่อยๆลองปฏิเสธด้วยการพูดความจริงกับสิ่งที่เราคิดว่ามันเกินจะเยียวยา แล้วค้นหาทางเลือกที่ดีที่สุดนั้นด้วยตัวเอง

#ปฏิเสธอย่างไร #EXP

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

ล้านนาแค่ขยิบตา

ล้านนาแค่ขยิบตา
บันทึกการเดินทางจำนวนสิบสี่ตอนที่จะเปลี่ยนมุมมองทุกการเดินทางให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Ads

Most Popular