Beyond Creative, We do

FB:Theexplorerphotographer

test

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อารมณ์คือเหตุผลที่รู้สึก

อารมณ์คือเหตุผลที่รู้สึก

********************



(1)
แม้อารมณ์ร้อนจะฝังแน่นติดกับตัวผมมาตั้งแต่เกิด แต่ผมก็พอจะรู้วิธีจัดการกับมันอย่างแยบยล หากมันมักจะเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่คับขัน หรือในความไม่จีรังของสติ ที่มิอาจควบคุมและปิดกั้นอารมณ์ฉุนเฉียวให้กบดานอยู่ในจิตใจได้เนิ่นนานพอ

ไม่รู้ว่าความดุเดือดเลือดพล่านมันเข้ามาเกาะกินอยู่ในหัวใจผมตั้งแต่เมื่อไร ผมได้แต่สันนิษฐานว่ามันอาจจะเป็นสมัยวัยเรียนที่เพื่อนพ้องต้องมานุ่งกางเกงขาสั้นเหมือนๆกัน ความกลัวเกรงว่าสถาบันนี้จะเข้ามาข่มเหงเพื่อนพ้องน้องพี่ของเราอาจจะทำให้เรารู้สึกถึงผู้คนที่ควรต้องปกป้อง เพื่อไม่ให้ศัตรูหน้าไหนก็ตามกล้าเข้ามาหยามหน้าหรือปล่อยให้เพื่อนสักคนหนึ่งต้องถูกรังแก

เมื่อเติบโตขึ้นผมถึงได้รู้ว่าผมเข้าใจผิด ความรู้สึกหวงแหนสถาบันอาจเป็นข้ออ้างหนึ่งที่เราต่างสร้างกันขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการอยากมีตัวตนในสังคมมากกว่าความรักพวกพ้องที่แท้จริง อารมณ์ฉุนเฉียวถูกสร้างขึ้นจากการตัดสินใจชั่ววูบด้วยความคึกคะนอง ในวันวัยนั้นเองที่เราต่างสะสมความอยากที่จะเป็นใครสักคนหนึ่งที่สังคมภายนอกให้การยอมรับอย่างจริงใจ

บ่อยครั้งที่เราต่างตัดสินผู้คนจากอารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่แน่ว่าบางทีความรู้สึกที่ถูกแบ่งเก็บไว้ข้างในอาจจะตีความหมายของมันออกไปคนละทาง เราสามารถเลือกที่จะพูดดีหรือไม่ดีกับใครสักคนที่เดินผ่านมา แต่เราต้องจดจำเอาไว้เพียงว่าคำพูดที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากของตัวเองนั้นอาจทำให้ใครบางคนเดินไปจากชีวิตของเธอตลอดกาล

(2)
ผมถูกนั่งสัมภาษณ์ท่ามกลางอาหารกลางวันที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า ไอร้อนของจานราดหน้าคล้ายดรายไอซ์ที่พวยพุ่งออกมาจากข้างเวทีก่อนแขกรับเชิญจะเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้รับแขก ก่อนที่ช้อนส้อมจะถูกปักลงไปบนชิ้นผักคะน้าก้่านใหญ่ ประโยคคำถามจากรุ่นน้องที่นั่งอยู่เก้าอี้ถัดไปก็ถูกเสริฟขึ้นมา

" จริงๆพี่ก็เป็นคนใจร้อนเหมือนกันนะ แต่บางทีพี่ก็ใจเย็นจนผมแปลกใจ"

" จริงๆแล้วพี่ก็ไม่ต่างจากพวกเราหรอกนะ บางครั้งในช่วงนาทีนั้นมันอาจมีสถานการณ์ที่บีบบังคับอยู่ก็ได้ แต่ถ้ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้งพี่คงจะไม่ใส่อารมณ์แย่ๆลงไปอย่างนั้น" ผมตอบไปอย่างช้าพลางกับพยักหน้า

"ใช่ครับ บางทีผมก็อารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน แล้วพี่คิดว่าผมมีอะไรต้องปรับปรุงตัวเองบ้างไหมครับ" รุ่นน้องเริ่มเสริฟลูกที่สอง

"แล้วเราคิดว่าตัวเราเองมีอะไรดีๆที่อยากจะพรีเซนต์ไหมละ เราอาจจะรู้คำตอบนี้อยู่แก่ใจแล้วก็ได้ แค่เพียงต้องการให้ใครสักคนเชื่อมั่นในความสามารถนั้น" ผมรับลูกเสริฟแบบแบ่งรับแบ่งสู้

"ข้อดีของผมคงหายากครับ แต่ถ้าข้อเสียคงมีให้เห็นเยอะเลย"รุ่นน้องตอบ

"พี่ว่าเรากำลังไม่มั่นใจกับสิ่งที่เราเป็นนะ และตอนนี้คงกำลังเปรียบเทียบกับคนอื่นๆที่เคยเห็นกว่าเขาเด่นกว่า ข้อดีมันก็เลยได้แต่หลบซ่อนอยู่ในตัวของเราต่อไป พี่อยากให้เราแค่แสดงศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างที่เราเป็นตอนนี้ก็พอ" ผมปิดรายการเพื่อตัดบทกลับมาสู่โต๊ะอาหารอีกครั้ง แม้อาหารมื้อนี้ดูจะจืดชืดและราดหน้าก็ไม่ได้เหนียวหนืดเหมือนตอนยกมา แต่ผมกลับเห็นแววตาหนึ่งคู่ที่กำลังแสดงถึงการค้นพบบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง

(3)
เมื่อความใจร้อนผนวกรวมกับอารมณ์อันฉุนเฉียว กลายเป็นความเกรี้ยวกราดที่ค่อยๆถูกแผ่ไพศาลไปยังผุ้คนรอบข้างที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มันอาจเป็นเวลาที่ผมพยายามกลับมาสำรวจตัวเองอีกครั้งเมืออาการเช่นนี้กำเริบขึ้น บ่อยครั้งที่ผมต้องพยายามตั้งสติเพื่อพึงระลึกถึงผลลัพธ์ที่มันจะถูกตีกระทบคราดกลับมา และมันอาจจะเป็นความเข้าใจผิดที่เกิดจากความรู้สึกเพียงชั่ววูบของใครบางคน

เมื่อจิตใจค่อยๆสงบลงการกระทำแย่ๆจึงถูกเบรคไม่ให้ออกไปเพ่นพ่านให้ได้เห็น ความใจร้อนอาจเป็นส่วนหนึ่งของความรู้สึกที่เราทุกคนต่างเผลอไผลแสดงออกมาให้เห็นโดยไม่ยากเย็น แต่ศัตรูตัวฉกาจตัวนี้จักถูกกำจัดด้วยความสงบอันเยือกเย็นที่เกิดขึ้นภายในใจ

บ่อยครั้งที่เราต้องรับบทเป็นผู้ถูกกระทำมากกว่าผู้เกิดอารมณ์ เมื่อความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผลมันจึงก่อตัวให้เกิดการระเบิดของอารมณ์ครั้งยิ่งใหญ่ หากเรามัวคิดแต่จะเอาชนะอารมณ์ของอีกฝ่ายด้วยการใช้บทตาต่อตาฟันต่อฟันไปอีกนานเท่าไร ความจริงใจที่เราต่างค้นหากันมาเนิ่นนานอาจจะไม่มีหลงเหลืออยู่อีกต่อไป

ผมเข้าใจว่าบางทีเราต่างก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง ทว่าเหตุผลดีๆทั้งหลายนั้นมันมีต้นตอมาจากความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกัน เธออาจมีบางอย่างที่ขัดใจฉัน หรือบางครั้งฉันอาจรบกวนเธอมากเกินไป เหตุผลสุดท้ายที่ควรรับรู้ร่วมกันคือการเปิดใจคุยกันแล้วค่อยๆปรับเปลี่ยนกันไปอย่างประนีประนอม

ในช่วงเวลาที่น้ำร้อนจนเกินไปเราจำต้องยอมปรับเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นเสียบ้าง อุณหภูมิที่พอเหมาะจะทำให้ทุกฝ่ายอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ หากแม้เราต่างก็เป็นมนุษย์ผู้ที่มีอารมณ์และความรู้สึกที่ถูกบิดเบือนด้วยกาลเวลา คงจะดีเสียกว่าถ้าเราไม่มัวแต่มารบราฆ่าฟันกันเพื่อเอาชนะกันไปข้างด้วยอารมณ์เพียงชั่วขณะ แล้วค่อยๆเปิดหัวใจยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของกันและกัน โลกของเรามันคงจะสวยงามมากกว่าในวันนี้ที่เราเห็นอยู่จริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

ล้านนาแค่ขยิบตา

ล้านนาแค่ขยิบตา
บันทึกการเดินทางจำนวนสิบสี่ตอนที่จะเปลี่ยนมุมมองทุกการเดินทางให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Ads

Most Popular