Beyond Creative, We do

FB:Theexplorerphotographer

test

วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เสียงเรียกจากมหานคร



ความสับสนอลหม่านกำลังดำเนินมาอีกครั้ง ยิ่งใกล้วันที่ต้องออกเดินทางจริงๆเมื่อไร จิตใจของผมก็มักจะร้อนรุ่มจนแทบจะปะติดปะต่ออะไรไม่ค่อยได้ทั้งนั้น ยิ่งเป็นสถานที่แปลกใหม่ในประเทศที่ไม่เคยไป แถมผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้ภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันอีก เลยยิ่งทำให้ความกังวลที่เกิดขึ้นในหัวใจนั้นออกจะเตลิดไปไกล และออกจะฟุ้งซ่านไปเสียยกใหญ่ 

การปะติดปะต่อแผนการเดินทางจึงเริ่มต้นขึ้นในวันที่พวกเราจะต้องแพคกระเป๋าออกเดินทางกันในอีกไม่ถึงสามวันข้างหน้า แผนการเดินทางที่วางไว้หลวมๆ สถานที่ที่ยังปักหมุดลงไปไม่แน่นหนักนั้น ก็เนื่องมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในประเทศนี้นั้นเกิดขึ้นบ่อย แถมยังมีความอ่อนล้าของเหล่าลูกสมุนนักเดินทางปะปนมาในทริปนี้

แม้ผมจะคอยไถ่ถามถึงความพร้อมของลูกสมุนร่วมทีมอยู่เสมอว่ามั่นใจแค่ไหนกับการเดินทางแบบยืดๆหยุ่นๆของการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่จะเดินช้าบ้างเร็วบ้าง บางครั้งอาจจะต้องหยุดเพื่อสูดหายใจให้เต็มปอดในบางเวลา อย่างไรก็แล้วแต่ก็ขอให้พวกเราโชคดีกับการผจญภัยในรอบนี้ก็คงเพียงพอแล้วต่อหัวใจ

ความกังวลค่อยคลายลงเมื่อหมุดที่ปักฝังลงไปแน่นลึกกว่าแต่ก่อน อาจเป็นเพราะว่าแผนการเดินทางในครั้งนี้นั้นไม่ธรรมดา เรายกหยิบสถานที่นี้ออก-พร้อมกับใส่อีกที่สถานหนึ่งเพิ่มเข้ามาตลอดระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมา เลื่อนวันเดินเท้าเข้า-ขยายเวลาให้กับการเดินทางโดยรถไฟในอีกสถานที่อีกแห่งหนึ่ง แล้วค่อยๆปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการของทุกคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน การเดินทางในครั้งหนึ่งมันจะมันส์ได้มากแค่ไหนก็ต้องกล้าที่จะออกแบบและทดลองออกเดินเท้าในแบบฉบับของเราเอง

มหานครแห่งหนึ่งกำลังป่าวร้องต้อนรับนักเดินทางกลุ่มใหม่อยู่ในอีกฝากฝั่งของปลายฟ้า สถานที่ที่ได้พบเห็นผ่านตายังคงทิ้งร่องรอยให้แก่ชนรุ่นใหม่ๆเดินทางเข้ามาเชยชมและกักเก็บความหมายดีๆกลับไปเพื่อใช้ดำเนินชีวิต

หลายครั้งเราก็มิอาจสรรหาเหตุผลใดๆว่ายืนยันได้ว่า ทำไมเราถึงจะต้องเดินทางออกไปค้นหาคำตอบในสถานที่ที่อยู่ห่างไกลในครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นไปได้ไหมว่าอาจเป็นเพราะเราต่างต้องการลองลิ้มชิมชีวิตที่อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์แบบปัจจุบันเสียบ้าง เพื่อสักวันหนึ่งเรานั้นจะค้นพบความหมายของชีวิตหลังจากออกก้าวเดิน

ความรู้อาจเรียนทันกัน-แต่ประสบการณ์นั้นจำต้องรีบไขว่คว้า ผมกำลังตั้งเงื่อนไขให้ชีวิตกับเวลาแล้วมองกลับไปให้เห็นถึงการดำเนินชีวิตในวันวาน เพื่อขบคิดถึงศักยภาพของตัวเองในวันที่ยังไม่กล้าออกเดินทาง 
หลากหลายความกลัวในอดีตทำให้เราจมจ่ออยู่กับที่แบบแนบสนิท รวงรังอันเป็นที่พักอันแสนสงบและอบอุ่นชวนให้หลงระเริงกับเกราะกำบังที่แน่นหนา เสมือนไข่ที่อยู่ในหินแม้มันจะไม่เคยจะต้องตกระกำลำบาก ทว่าวันหนึ่งมันก็ไม่อาจยั้งยืนยงไปชั่วกาลในสภาพที่อัตคัตและอึดอัดเกินทน

ผมกำลังมองไปในอีกฝากฝั่งหนึ่งของชีวิต และขบคิดถึงอนาคตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากการเดินทางในครั้งหนึ่งจะสร้างสรรค์หน้ากระดาษแผ่นใหม่ให้แก่ชีวิตในบทถัดไปได้ดีกว่าเดิม ครั้งนั้นผมจะรีบเพิ่มเติมสีสีนของชีวิตนี้ด้วยการตวัดปลายพู่กันที่กำลังย้อมติดสีให้อย่างเร็วไว

แต่งแต้มสีสันให้แก่ชีวิต พร้อมๆกับการเดินเคียงคู่ไปกับปัจจุบันที่อยู่ข้างๆ จับมือกันไว้แน่นๆเพื่อสร้างความหมายดีๆให้เกิดขึ้นตลอดการเดินทาง แม้คนหนึ่งจะมีความพร้อมมากอีกคนหนึ่งจะมีความพร้อมน้อยกว่าก็คงไม่สลักสำคัญแต่อย่างใด แม้รู้จุดมุ่งหมายแล้ว ก็เหลือเพียงแค่เดินตามรอยทางที่วางไว้หลวมๆนั้นให้สำเร็จและมีความสุข

คงถึงเวลาแล้วสินะ ที่เราจะร่วมออกเดินทางอีกครั้ง สู่จุดหมายปลายทางแห่งนั้น

มาจับมือฉันเอาไว้ แล้วออกเดินทางไปด้วยกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

ล้านนาแค่ขยิบตา

ล้านนาแค่ขยิบตา
บันทึกการเดินทางจำนวนสิบสี่ตอนที่จะเปลี่ยนมุมมองทุกการเดินทางให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Ads

Most Popular