Beyond Creative, We do

FB:Theexplorerphotographer

test

วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

LIFE MUST GO ON



สตีฟ จอบส์เคยกระซิบบอกกับผมในเช้าวันหนึ่งว่า 

" ถ้าคุณตื่นขึ้นมาแล้วมองไปที่หน้ากระจก คุณพยายามถามตัวเองกับสิ่งที่เป็นอยู่ คุณพยายามหาคำตอบและความหมายให้กับชีวิตทุกๆวัน ทว่าสุดท้ายแล้วคุณกลับพบความว่างเปล่าในนั้น คุณพยายามทิ้งขว้างความดีงามของตัวเองทุกๆวันให้สูญสิ้นไปในกองขยะ และคุณเองก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าคุณไม่ได้ทำอะไรให้คนรอบข้างหรือสังคมดีขึ้นเลย" 


ถามตัวเองดูมั้ยว่าวันพรุ่งนี้ เราจะตื่นมาพบกับเรื่องราวแบบไหน เดินทางไปที่ไหน และพบเจอกับคนต่างๆในสถานที่แห่งใด เหตุการณ์นั้นจะยังทำให้เรามีความสุขอยู่ไหม แล้วถ้าไม่ละ เราจะเดินต่อไปทางไหน ค่ำคืนนี้เราวางแผนหรือยัง ที่จะออกจากจุดๆนี้ เพื่อก้าวกระโดดไป หรือ จะถอยหลังกลับมาตั้งหลัก

ยิ่งทบทวนความคิดไปมากเท่าไร เราก็มักจะมาจบกับการตัดสินใจแบบเดิมๆ ทำแบบเดิมๆและก็ยังคงจะเผชิญกับวงจรชีวิตเดิมๆ

ประสบการณ์การทำงานแปดปีในสามสถานที่ของผม ชวนให้มันสมองเริ่มขบคิดว่า อะไรกันแน่คือชีวิตที่เราต้องการ ชีวิตที่เราต้องเขียนเอง หรือ ให้คนอื่นมาลากเส้นจูงเราไปหากชีวิตนี้มันแสนสั้น เรายิ่งต้องเดินเบี่ยงออกมาจากวังวนเดิมๆเสียก่อนที่พรุ่งนี้จะมอดดับไป

ชี-วิ-ต (LIFE) คืออะไร 

บางทีเราอาจไม่จำเป็นต้องไปค้นหาและเข้าใจความหมายให้ลึกซึ้ง แต่เราจำเป็นต้องรู้จุดมุ่งหมายของชีวิตไวก่อนวันพรุ่งนี้ แท้จริงเป้าหมายของชีวิตนั้นดูยิ่งใหญ่กว่ากรอบสี่เหลี่ยมที่เราตีไว้ ณ ที่หนึ่งๆ เราอาจจินตนาการถึงห้องทำงานเย็นๆแต่ถูกบ่มเพาะไปด้วยความเร่งรีบ กดดัน และความไม่ยุติธรรมจากผู้คนต่างฝ่าย อย่าไปโทษใครเลยครับ โทษตัวเราเองนี่แหละ ที่ไม่กล้าจะหนีออกห่างจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษนั้น ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองก็ไม่มีหน้ากากป้องกัน

ประสบการณ์การทำงานแปดปีในสามสถานที่ของผม สอนให้รู้ว่า "เราต่างมีบริษัทเป็นของตัวเอง" บริษัทที่เราต้องจัดการระเบียบวินัยของตัวเอง ควบคุมอารมณ์ให้สุขสงบอย่างมีสติ และสร้างสรรค์ความคิดดีๆให้เกิดขึ้นในหัวใจอย่างสม่ำเสมอ แม้ปัจจัยภายนอกจะเลวร้ายถึงขั้นวิกฤตเพียงใดจง อย่าหาข้อส่งเสริมสร้างให้มันเติบใหญ่ขึ้นมา ปลดเปลื้องสิ่งที่เหนืออำนาจควบคุมมันเอาไว้ตรงนั้น แล้วมีความสุขไปในแบบของเรา

หลายคนชอบเข้ามาถามว่าผมอดทนได้อย่างไร บอกตามตรงว่าประสบการณ์การทำงานแปดปีในสามสถานที่ของผมนั้น "ช่างเหมือนวังวนดีร้ายกันเหมือนทุกแห่ง" แท้จริงแล้วเราอาจไม่จำเป็นต้องไปกล่าวโทษโกรธเคืองความเป็นไปของสิ่งใดๆที่ผ่านเข้ามากระทบ เพราะเราต้องเชื่อมั่นในจุดที่ต้องจบ เพื่อที่จะลากเส้นต่อไปยังจุดถัดไปเกิดเป็นคุณค่าของชีวิตที่มากกว่าเดิม

ผู้คนจะหมดกำลังใจและความหวังเมื่อผู้ใหญ่ไม่เห็นคุณค่าของงาน หากลองเปรียบเทียบกับชีวิตดูแล้วไซร้ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าผลงานไม่ใช่คุณค่าของชีวิตหรอกหรอ หากเช้าวันพรุ่งนี้คุณนั่งอดรนทนไปทำงานด้วยหน้าตาบึ้งตรึง แล้วชีวิตทั้งวันนั้น จะหลงเหลืออะไรให้ได้ชื่มชน

จงมองชีวิตให้ยิ่งใหญ่กว่างานที่ทำ มองให้ลึกถึงก้นบึ้งของชีวิตเราในวันข้างหน้า มันอาจไม่ใช่เศษเงินทองที่ถูกหยิบยื่นให้ในบางช่วงเวลา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตของเรานั้น อาจหมายถึงการที่เราได้ขีดเขียนชีวิตไปตามเส้นของตัวเอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

มิงกะลาบา ความหวังใหม่ใต้เปลือกตา

ล้านนาแค่ขยิบตา

ล้านนาแค่ขยิบตา
บันทึกการเดินทางจำนวนสิบสี่ตอนที่จะเปลี่ยนมุมมองทุกการเดินทางให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Ads

Most Popular